วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

จา-พนม หายตัวแต่มีจดหมายแฉบอกเลิกไม่ต่อสัญญาสหมงคลฟิล์มฯแล้ว

กลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อมีกระแสข่าวที่ออกมาจากทางด้าน จา-พนม ว่า ได้มีการเปิดเผยจดหมายจากการยื่นหนังสือยกเลิกสัญญาของพระเอกนักบู๊ที่มีต่อสหมงคลฟิล์มฯ, พันนา ฤทธิไกร และปรัชญา ปิ่นแก้ว ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 โดยมีใจความว่า


''โดยที่ขณะนี้ข้าพเจ้ายังมิได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทได้ดำเนินการใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างโดยถูกต้องครบถ้วนตลอดอายุสัญญาจ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะดำเนินการทางกฎหมายไว้ หากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของทางบริษัท'' ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวได้มีการลงลายเซ็นของ จา-พนม ไว้อย่างชัดเจน"

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในการเคลียร์ปัญหากับ จา พนม ยีรัมย์ ทั้งนี้ ทางต้นสังกัดเองก็ยังไม่สามารถติดต่อหาตัวพระเอกนักบู๊ได้ แม้ว่าจะต้องการให้เจ้าตัวเข้ามาเจรจาไขข้อข้องใจกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ตาม

ขณะที่่ โจ้ ธรัช ศุภโชคไพศาล ผู้บริหารบริษัท ไอยราฟิล์ม จำกัด ที่มีศักดิ์เป็นน้องเขยของ จา-พนม ได้เปิดเผยว่าทั้งพ่อแม่รวมถึงคนในครอบครัวที่สุรินทร์ไม่มีใครสามารถติดต่อพระเอกนักบู๊ได้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดข่าวคราวพ่อจาบุกกองถ่ายตามให้ลูกชายกลับบ้าน นอกจากนี้ จายังไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจาไม่ใช่คนดูแลเงินแต่จะมีคนใกล้ชิดดูแลให้อีกที

''คือตั้งแต่คุณพ่อเขาไปเจอจาที่กองถ่ายแล้วคุยกันแค่ 3 นาที ตั้งแต่ตอนที่เป็นข่าวช่วงเดือนมกราคมจาเขาก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย แม้ว่าทางบ้านจะพยายามติดต่อไปหลายครั้ง รวมถึงที่บ้านภรรยาเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ส่วนเรื่องเงินส่งเสียเลี้ยงดูเขาก็ไม่ได้ส่งให้ที่บ้านตั้งแต่มีปัญหามาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจาเขาทราบหรือเปล่า เพราะว่าคนที่ดูแลเงินไม่ใช่จา แต่จะมีอีกคนที่ควบคุมดูแลตรงนี้อยู่ แต่เรื่องเงินนี้ไม่ใช่ปัญหา ยังได้พี่น้องคนอื่นๆ ช่วยดูแลพ่อแม่ในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องเงินทองทางบ้านเขาไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คงเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า คุณพ่อก็ยังป่วยทรุดลงตลอด กับเรื่องปัญหาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ เขาก็คงทราบแล้ว ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครสบายใจหรอกครับ ก็อยากให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ถูกต้อง'' น้องเขยจากล่าว

''โจ้-ธรัช'' ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีของ ''จา-พนม'' ที่มีปัญหากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ว่า ''เรื่องนี้มันแปลกๆ ไม่ธรรมดาตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้จาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ถ้าปกติเขาก็ต้องมาหาพ่อแม่บ้าง ตอนนั้นเราก็อยากมองในแง่ดีแต่มันก็ยิ่งหนักขึ้นทุกวัน มันผิดปกติถึงขั้นที่พ่อต้องไปแจ้งความคงไม่ธรรมดาแล้ว และมันก็ไม่น่ามีปัญหากันขนาดนี้ที่บานปลายไปจนถึงขั้นมีปัญหากับบริษัท เพราะผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสในการทำงานมาโดยตลอด อย่างก่อนหน้านี้ทางครอบครัวก็โดนกระแสโจมตีเรื่องเงินว่าอยากได้เงินทองของจา ซึ่งมันไม่จริงเลย พอมันมีอย่างนี้เราก็ไม่อยากพูด จนสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าทางครอบครัวก็ห่วงภาพลักษณ์ของจาในตอนนี้ที่สังคมคงมองว่ามันไม่ดีไปแล้ว เรา
เองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร ก่อนหน้านี้ทางบ้านก็พยายามกันสุดความสามารถแล้วให้จากลับมาเป็นคนเดิม ผมว่าถ้าจะแก้มันต้องแก้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง การที่จาได้ไปเล่นหนังต่างประเทศทุกคนก็ยินดี แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวของจาเอง อย่างเรื่องจะแต่งงาน จะรักกับใคร ทางบ้านก็ไม่เคยห้าม คุณพ่อไม่เคยว่าอะไรเลย แต่ขอเพียงแค่ว่าให้ทุกอย่างมันถูกต้องแค่นั้นเอง''

นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเรื่องสัญญาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ที่หมดลงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 รวมถึงความประสงค์ของทางบริษัทที่ต้องการจะต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี โดยทางครอบครัวได้ทำการเซ็นรับเอกสารฉบับดังกล่าวไว้ และเมื่อทราบว่าเป็นเรื่องของสัญญาทางบ้านก็พยายามติดต่อจาให้กลับมาตัดสินใจต่อสัญญาฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่คนในครอบครัวก็ไม่ได้มีการเซ็นหรือส่งสัญญาฉบับนั้นกลับไป จนกระทั่งมาเกิดข่าวคราวของจากับสหมงคลฟิล์มฯ จึงสร้างความไม่สบายใจให้กับคนในบ้านเป็นอย่างมาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts