วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

เสี่ยเจียง ฉุน จา-พนม ฉีกสัญญาสหมงคลฟิล์ม ขู่ฟ้องหากกล้าเล่นหนังฮอลลีวู้ด

เสี่ยเจียง ฉุน จา-พนม บอกสัญญาไม่มีสัญญาสหมงคลฟิล์ม ขู่ฟ้องแน่ถ้าหากยังมีการถ่ายทำที่ไหนในโลกโดยไม่มีการขออนุญาติจากทางต้นสังกัดเสียก่อน 


หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ  ผู้บริหารบริษัทสหมงคลฟิล์ม ออกมาแถลงข่าวยินดีกับ จา-พนม ที่นักแสดงเบอร์หนึ่งของค่ายใบโพธิ์มีโอกาสโกอินเตอร์ไปเล่นหนังระดับฮอลลีวู้ดเรื่อง The Fast and the Furious 7 (เดอะ ฟาสต์ แอนด์ เดอะ ฟิวเรียส 7) ได้ประกบนักแสดงดังอย่าง ''วิน ดีเซล'' แต่ล่าสุดพระเอกนักบู๊ จา-พนม หรือ โทนี่ จา ได้ประกาศตัดขาดกับผู้อำนวยการสร้างหนังรุ่นใหญ่ ผู้ชุบชีวิตให้ จา-พนม แจ้งเกิดในวงการ ด้วยการแอบไปเล่นหนังฮอลีวู้ดพร้อมทั้งติดต่อมาทางต้นสังกัดว่าตนไม่มีเกี่ยวข้องในสัญญาการแสดงภาพยนตร์กับทางค่ายสหมงคลแล้ว ทำเอา เสี่ยเจียงถึงกับฉุนขาด ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดใจที่บริษัทสหมงคลฟิล์ม ชั้น 9 ตึก IBM พร้อมผู้กำกับฯ คู่ใจ ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ ผู้กำกับฯ คิวบู๊ชื่อดัง พันนา ฤทธิไกร เมื่อค่ำวันที่ 3 ก.ย. 56 ที่ผ่านมาว่า

''ที่มาแถลงข่าววันนี้ หลังจากที่มีการแถลงไปก่อนหน้านี้ที่ผมบอกให้เขาไปเล่นหนังฮอลีวู้ด หลังจากนั้นอยู่ๆ ทาง จา-พนม ก็ได้มีการยื่นโนติสมา อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าไม่มีสัญญาแล้ว ผมก็งง จึงได้มีการแถลงข่าววันนี้เพื่อความถูกต้อง ซึ่งทาง จา-พนม ก็ต้องปฏิบัติต้องมีการติดต่อกลับมา ที่ผ่านมาเราไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์ใคร อยากไปเล่นหนังต่างประเทศ ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอมีเรื่องแบบนี้ก็ต้องให้ทางต่างประเทศติดต่อมาบ้าง ยืนยันสัญญาของ จา-พนม มีผลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งโลกต้องขออนุญาตเรา ครั้งที่แล้วที่แถลงเพราะดีใจ จาจะไปเล่น The Fast and the Furious 7 แต่ตั้งแต่เขาไปเล่นต่างประเทศ จา ก็ไม่เคยบอก ไม่เคยมาขอ ยื่นแต่โนติสมา แล้วพูดมาได้ยังไงว่าสัญญาไม่มี จาเคยมาขอแต่เรื่องโฆษณากับทางพันนา เราก็อนุญาต เรื่องเงินก็ให้เขาดูแลเอง"

แล้วต่อไปจะทำยังไง?
''ต้องยื่นโนติสไป ถ้ามีการจ้างเล่นหนังก็ต้องไปต่อสู้กันต่อที่ศาล สำหรับผมแล้วสัญญาที่เซ็นไว้ยิ่งกว่าเป็นธรรม ทุกอย่างถูกต้องและให้มากกว่านั้น  เขาจะหาว่าไม่ส่งสัญญาให้เขาไม่ได้เพราะสัญญาส่งไปที่สุรินทร์ด้วย และจาก็มีการลงนามเซ็นสัญญาทุกอย่าง ผลประโยชน์ที่ได้รับมหาศาล เชื่อว่าไม่มีนักแสดงไทยคนไหนได้ค่าตัวมากขนาดนี้ ที่ผมให้เขามากขนาดนี้เพราะความสำเร็จจากองค์บาก 1  ผมอยู่วงการมากว่า 30 ปีไม่เคยรังแกใคร เอาเปรียบใคร''


เรื่องนี้มีผลต่อหนังที่ จา-พนม เล่นไหม?
''ไม่มีเพราะถ่ายทำหมดแล้ว ผมพยายามทำต้มยำกุ้งให้ดีที่สุด เราฉายพร้อมเมืองจีน 3 พันโรง วันที่ 23 ต.ค. พร้อมเมืองไทยเพื่อไม่อยากให้มีแผ่นผี เพื่อทำให้ทัน ผมก็ได้ซื้อเครื่องทำซีดีด้วยทุนมหาศาลเพื่อให้ทันขาย''

เป็นเพราะ จา-พนม น้อยใจที่ไม่ได้ไปฮอลลีวู้ดสักทีหรือไม่?
''ไม่เกี่ยว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีหนังเรื่อง Rush Hour 3 ทางเราก็โอเค แต่พอทางต่างประเทศส่งบทมา เขาให้จาเล่นเป็นตัวร้ายเราก็ยอมไม่ได้ เพราะบทต้องเสมอกัน จริงๆ มีบทหนังติดต่อเข้ามาเยอะแต่คนไม่เข้าใจคิดว่ามีหนังน้อย อย่างล่าสุดก็มีหนังของ หงจินเป่า ส่งบทมา เราดูแล้วก็โอเคแต่ว่าเขาขอส่งบทให้ทางจีนเซ็นเซอร์ก่อน รอจนถึงกันยายนซึ่งจาเขาก็ไม่ว่างแล้ว และทางนู้นก็ยกกองมาแล้วก็เสียหายเป็น 10 ล้าน''

แล้วที่ก่อนหน้านี้เสี่ยเคยบอกว่ารักจาเหมือนลูก?
''อย่าให้พูดเลยดีกว่า มันโตเกินกว่าที่จะรับเป็นลูกแล้ว ตอนเล่นหนังเรื่องแรกมันมากราบผมอย่างกับผมเป็นพ่อมัน แต่ตอนนี้ผมต้องไปกราบมันเหมือนกับมันเป็นพ่อ วันเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ไม่พูดดีกว่า มันแล้วแต่คน แล้วแต่เวรกรรม รู้ไหมตอนที่ทำองค์บากภาคแรก ผมกับปรัชญาทะเลาะกันตั้ง 6 เดือน หนังที่จาเล่นไว้หลายเรื่องไปถ่ายตามต่างจังหวัดก็ไม่ดังสักที แต่ปรัชญาเขาไปช่วยดู ไปช่วยวางแผนว่าจะทำยังไงให้จาโด่งดัง เขาขอเงินงบลงทุนตั้ง 50 ล้านเพื่อเอาไปทำองค์บากเพื่อ ''จา-พนม'' แล้ว ปรัชญาถึงขั้นต้องไปเอาเงินจากน้องสาวมา 50,000 บาท เพื่อมาทำหนังตัวอย่างให้ดู และการลงทุนก็คือเรา ถ้าเจ๊งเราก็เจ๊ง''

แล้ววันเปิดตัวหนังต้มยำกุ้ง ยังจะมี จา-พนม หรือไม่?
''ยังไงเขาก็ต้องมาเพราะเขามีสัญญา เราต้องยื่นโนติสไป ผมเคยบอกเขา ไม่อยากให้จากับปรัชญาโกรธกัน ผมบอกเขาว่าถ้าไม่มีปรัชญาวันนั้นก็ไม่มีจาวันนี้ ตอนที่จาไปทำองค์บาก 2 เขาใช้เงินไป 300 กว่าล้าน แล้วก็ไปหลงผู้หญิงเกาหลี ตอนนั้นผมกับพันนาแทบจะเป็นลมตาย (หัวเราะ)''

ต่อจากนี้เส้นทาง จา-พนม กับหนังของสหมงคลฟิล์มจจะเป็นอย่างไร?
''ก็มีโปรเจกต์อะไรก็ทำไป ถ้าจะไปเล่นหนังต่างประเทศก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ให้ทางต่างประเทศเข้ามาคุยกัน เราคงไม่ยุ่งกับเขาแล้ว ก็คงยื่นโนติสอย่างเดียว ถ้าไม่มีการมาคุยและมีหนังเขาขึ้นมาเราฟ้องแน่ บริษัทสหมงคลฟิล์มไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะเขาอยู่แล้ว ไม่สบายใจก็ไม่ต้องอยู่ ผมอยู่วงการมาตั้งแต่ มิตร ชัยบัญชา, สมบัติ เมทะนี แล้วจาอยู่มากี่ปีเล่นหนังให้เราแค่ 5-6 เรื่อง แต่ สมบัติ เมทะนี ปีหนึ่งเขาเล่นหนัง 100 กว่าเรื่อง''

แล้วจะมีทางออกยังไงกับเรื่องนี้?
''ก็แล้วแต่คนที่จะมาเจรจา แต่ตอนนี้ถ้าเขาจะเล่นหนังอะไรก็ตาม เขาก็ต้องขออนุญาตเราก่อน ถ้ายังมีการถ่ายทำเราก็จะฟ้อง ส่วนเรื่องที่คนจะมองว่าเรามีการหักเปอร์เซ็นต์นั้น บอกเลยว่าเราไม่เคยหัก ไม่เคยกินหัวคิวใคร ไม่เคยเอาเปรียบใครทั้งนั้น''


ทัชชกร ยีรัมย์ (พนม ยีรัมย์) ที่รู้จักกันในชื่อ จา-พนม หรือ โทนี่ จา เข้าสู่วงการจากการชักนำเข้าสู่วงการโดย พันนา ฤทธิไกร  และการปลุกปั้นโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว โดยมีเสี่ยเจียงเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องแรกของ จา-พนม ด้วยทุนสร้างกว่า 50 ล้านบาท ด้วยการเป็นพระเอกหนังเรื่ององค์บาก 1 จนก้าวขึ้นเป็นพระเอกนักบู๊เบอร์ 1 ของไทย ต่อด้วยการทุ่มทุนสร้างมหาศาล 200 ล้านสร้าง ต้มยำกุ้ง เพื่อให้ จา-พนม เป็นนักแสดงแอ็กชั่นระดับอินเตอร์ แต่หลังจากโด่งดังเป็นพลุแตก จา-พนม ได้มีปัญหาความขัดแย้งกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ในการทำหนังเรื่ององค์บาก 2 จนทั้งคู่แยกกันทำงาน อีกทั้งพระเอกนักบู๊ยังปัญหาเรื่องงบประมาณที่บานปลายในการกำกับหนังเรื่องแรกของตัวเอง จนทางบอร์ดใหญ่อย่างเสี่ยเจียงต้องเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น จา-พนม ยังเคยตกเป็นข่าวมีปัญหาส่วนตัวกับทางครอบครัวแต่ก็ได้รับการช่วยเหลือแก้ปัญหาจากเสี่ยเจียงทุกครั้ง จนล่าสุดก็มีข่าวฉีกสัญญากับทางสหมงคลฟิล์มเพื่อหนีไปเล่นหนังที่ต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

ที่มา สยามดารา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts