วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

น้องเขยพร้อมพ่อแฉโดนทำร้ายขู่ฆ่าเตรียมฟ้อง จา-พนม ยันไม่ขอเคลียร์นอกรอบ

โจ ธรัช สุภโชคไพศาล น้องเขย พร้อมพ่อทองดี ของพระเอกนักบู๊ชื่อดัง จา พนม ยีรัมย์ ออกโรงแฉ ถูก บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ภรรยาพระเอกคนดังทำร้ายร่างกายก่อนพร้อมถูกขู่ฆ่า แจ้งความดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกาย และฟ้องละเมิดสัญญาบริษัทไอยรา โดยเรียกเงินกว่า 10 ล้าน จากนี้ไม่มีเคลียร์นอกรอบ สู้กันในชั้นศาลอย่างเดียว 



หลังจากที่ บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ภรรยาของพระเอกนักบู๊ชื่อดัง จา พนม ยีรัมย์ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีที่ถูก นายทองดี ยีรัมย์ พ่อของสามีทำร้ายร่างกายจนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต่อมาไม่นานทางด้าน นายทองดี  ยีรัมย์ พ่อจาและ นายธรัช ศุภโชคไพศาล น้องเขยจา ก็ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับจาและภรรยาเช่นกัน


ล่าสุดวันที่ 30 ก.ค. 2556 เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. โจ ธรัช สุภโชคไพศาล ที่มีศักดิ์เป็นน้องเขยของ จา พนม ยีรัมย์ ได้นำทีมครอบครัวของคุณพ่อ, คุณแม่ และน้องสาวจา แวว ธรินทร์ทิพย์ ยีรัมย์ เดินทางมาให้สัมภาษณ์ในรายการ คนดังนั่งเคลียร์  ถึงกรณีที่ต่างฝ่ายต่างมีการแจ้งความซึ่งกันและกันว่าได้ถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งล่าสุด โจ ได้ชี้กับผู้สื่อข่าวในรายการดังกล่าวว่า    
''คือก่อนหน้านี้พ่อได้ทราบข่าวว่าจาจะไปเมืองนอกก็เลยอยากจะคุยด้วย ซึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่องคุณพ่อก็ยังไม่ได้เจอหรือเคลียร์กับจาถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งเราในฐานะลูกเขยก็อยากจะช่วยพ่อ เลยรับคุณแม่ คุณพ่อ และพี่ชายจามาจากสุรินทร์เพื่อมาตามหา ซึ่งเมื่อเราผ่านไปแถวบ้านจาก็เจออุบัติเหตุรถชนซึ่งก็ได้เห็นบุ้งกี่กับจามายืนดูสถานการณ์ก็เลยรีบบอกครอบครัวจาที่รออยู่ที่โรงแรมให้รีบมา เวลาผ่านไปสักพักจากำลังจะออกรถไปซึ่งไม่รู้ว่าไปไหนแต่คิดว่าน่าจะไปที่โรงเรียนของลูกจา ด้วยความที่ขับรถและคุยโทรศัพท์ไปเลยทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งบังเอิญอีกว่ารถคู่กรณีคือรถเบนซ์สีขาวของ ''จา-พนม'' ซึ่งตอนนั้นไม่กล้าลงไปเพราะอยู่คนเดียว แต่ทางบุ้งกี่เดินมาตบรถเรียกเคลียร์ พอเราเห็นก็ไม่กล้าลงเพราะกลัวมีเรื่องเนื่องจากผมและจาไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ ซึ่งก่อนจะเกิดเรื่องแววและคุณพ่อ, คุณแม่, พี่ชายได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุทันที พอดีกับบุ้งกี๋เดินมาเปิดประตูรถ พอเจอหน้ากันภรรยาจาก็บันดาลโทสะด้วยการกระหน่ำตีด้วยโทรศัพท์บริเวณศีรษะทันที แล้วเอาประตูกระแทกผม ซึ่งจาเห็นเหตุการณ์ก็ผละจากการขับรถมาดูเหตุการณ์ทันที เมื่อครอบครัวเห็นจาจึงวิ่งตามลงมาหา พ่อได้คุยกับจาและกำลังจะกลับไปที่รถของแววเพื่อไปหาที่คุยกัน แต่ว่าบุ้งกี๋ไม่ยอมจึงรีบไปดึงตัวจากลับมาทันทีพร้อมร้องว่า ''พี่จาอย่าไป'' ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงชุลมุนเมื่อจาเห็นหน้าผมภรรยาเขาก็บอกกับจาว่าผมทำร้ายเมียเขาจาเลยเข้ามาทำร้ายผม ซึ่งพ่อก็พยายามห้ามเลยทำให้พ่อโดนลูกหลงจากการกระทำโดยบุ้งกี๋ ซึ่งพอผละจากผมบุ้งกี๋ก็ทำร้ายแววต่อแต่ยังโชคดีที่แม่มาช่วยไว้ ซึ่งดูเหมือนว่าบุ้งกี่พยามที่จะเอาชนะด้วยกำลังอย่างเดียวจนไม่สนใจใคร''

หลังจากนั้นได้ไปบ้านจาหรือไม่? 
''ไปแต่กลับถูกจาและครอบครัวทำร้าย พร้อมขู่ฆ่าอีกด้วย ผมไปเพราะไม่ตั้งใจไปเนื่องจากหลังจากเหตุการณ์เราได้ตกลงจะไปเคลีย์ที่สน. ผมเลยให้แววขับรถไปสน.ก่อนแล้วผมนั่งรถจาไปด้วยกัน แต่กลางทางเขาเกิดเปลี่ยนใจ และพาผมไปบ้าน เมื่อไปถึงก็ถูกทำร้ายจากจา ภรรยาและแม่ยายของจา โดยแม่ยายจาวิ่งเข้ามาพูดกับผมว่า  ''กูอยากจะฆ่ามึงมานานแล้วมึงมาให้กูฆ่าถึงบ้านก็ดีโจ'' จากนั้นสองแม่ลูกก็รุมตีผม ซึ่งผมไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยซึ่งกว่าครอบครัวจาจะมาพบผมก็กินเวลากว่าครึ่งชั่งโมง''

ภรรยาจาบอกว่าถูกโจทำร้ายได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน จะชี้แจงว่าอย่างไร? 
"หากตนทำร้ายคงมีรอยช้ำไปแล้ว มันเป็นเพียงเหตุการณ์ยื้อกันไปมาเฉยๆ" 
ด้านพ่อจาเผยว่า
"วันนั้นเป็นวันแรกไปคุยที่บ้านเรา จาตอบรับว่าครับและจะไปกับพ่อ แต่ถูกเมียตามมาดึง ที่มาหาจาเห็นข่าวจะไปเมืองนอกเลยอยากคุยเป็นการส่วนตัวในฐานะพ่อลูก ถ้าไม่ได้คุยกันก็จะทำให้ไม่สบายใจแล้วก็ไม่สบาย และไม่เคยคิดมาขอเงินเลย เพราะอยากให้จากลับมาทำพิธีเนื่องจาไม่ได้ทำมา 2 ปีแล้ว"

ส่วนตัวแล้วคิดว่าบุ้งกี๋เล่นไสยศาสตร์หรือไม่?
"แม่เมียและเมียกีดกันไม่ห่างจาเลย คิดว่าเป็นตัวจาเอง เป็นเพราะสันดานจาเองเขาเชื่อลูกเมียมากกว่าเชื่อพ่อ และเมื่อถามว่าจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป โจน้องเขยเผยว่า บุ้งกี๋บอกว่าอยากให้พ่อตายไป และไม่ตามแล้วเจอกันที่ศาล เพราะแจ้งความคดีทำร้ายร่างกายต่างคนต่างแจ้ง และต่อเนื่องไปอีกคดีเกี่ยวกับไอยราฟิล์ม ซึ่งต่อไปนี้จะเจอกันในศาลอย่างเดียว ถ้าเกิดมองว่าครอบครัวทำร้ายก็ขอให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล ถามว่าใครจะไปเรียกร้องเงินได้ก็ภรรยาเขาถือเงินอยู่มันไม่เกี่ยวเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัทไอยราฟิล์มผมฟ้องแน่ เพราะมันต้องต่ออีกยาวคือที่ผมเงียบไป 3 ปีผมพยามไม่ให้ครอบครัวมีปัญหา แต่เมื่อเกิดปัญาหาขึ้นเราก็ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน จา ผม และครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นในไอยราร่วมกันแต่พอเขามีแฟนเขาก็ถอนไปโดยไม่แจ้ง ซึ่งหลังจากที่เขาถอนเขาไปรับเงินค่าหนังจากองค์บาก 3 ไปเพียงคนเดียวทั่งๆ ที่เรามีสัญญาอยู่ว่าจาต้องให้บริษัท 25 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ซึ่งทางสหมงคลฯ ก็รับทราบ แต่เมื่อถึงเวลาจารับไปเพียงคนเดียว"

เรื่องคดีว่าแจ้งความอะไรไปบ้าง?
''ที่แจ้งไปก็มีคดีทำร้ายร่างกายผม และละเมิดสัญญาบริษัทไอยราโดยเรียกเงิน 25 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั่วโลกตามที่ตกลง ซึ่งคาดว่าเงินจำนวนนั้นมีประมาณ 10 ล้านบาท ในส่วนของครอบครัวจาไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ แววน้องสาวจา และพี่ชายจาได้ทำเรื่องดำเนินคดีกับบุ้งกี๋ในคดีทำร้ายร่างกาย ก่อนหน้านี้เขาเป็นฮีโร่ของเราแต่เมื่อโดนทำร้ายก็คงไม่มีความเห็นใจแล้ว ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะทำอะไรจริงจังซักที โดยไม่มีการประวิงเวลา ซึ่งหลังจากที่ผมรักษาตัวหายดีก็จะดำเนินการทันที ผมมองว่ามันถึงเวลาที่ต้องเรียกความถูกต้องของเราแล้ว'' 

ที่มา สยามดารา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts