กุ๊ก-ชลธิชา นักร้องและพิธีกรสาวรายการเคเบิล เผยเหตุแจ้งความจับตลกหนุ่มชื่อดัง จั๊กกะบุ๋ม เหตุเพราะโดนฝ่ายชายกระชากคอเสื้อ ด่าด_กทอง แถมยังเอาโทรศัพท์ตนไปส่งข้อความหาเจ้านายปลดตนออกจากงาน ปัดออกมาให้ข่าวเพื่อโปรโมตอัลบั้มใหม่กับ สันติ ดวงสว่าง ยันโดนหลอกแต่ไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงแม้อยู่กินนอนที่คอนโดเดียวกันมากว่า 4 เดือน แฉอดีตแฟนหนุ่มยืมเงินไปไม่ยอมคืน ด้านพ่อเมินเคลียร์ตลกหนุ่ม เผยมีหลักฐานคลิปเสียงและข้อความไลน์ ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ไม่เรียกว่างานเข้าก็คงจะไม่ได้ซะแล้วสำหรับสำหรับตลกหนุ่มชื่อดัง จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม หลังเจ้าตัวถูกอดีตแฟนสาว ''กุ๊ก'' ชลธิชา เชื้อเอี่ยมพันธ์ นักน้องลูกทุ่งและพิธีกรรายการ ''ลูกทุ่งประเทศไทย'' พา นายสมจิตร เชื้อเอี่ยมพันธ์ ผู้เป็นพ่อ เข้าแจ้งความที่สภ.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่าถูกจั๊กกะบุ๋มชิงเอาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอปเปิลรุ่นไอโฟน 5 ไป เหตุจากที่ฝ่ายหญิงตีตัวออกห่างโดยระบุว่า อดีตแฟนตลกหนุ่มคนดังได้แสดงพฤติกรรมหยาบคายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกระชากคอเสื้อด่าผู้เสียหายว่า ''กะหรี่อย่างมึงต้องเจอแมงดาอย่างกู อีด_กทอง'' และอีกหลายคำด่า พร้อมยังตามราวีระรานฝ่ายพิธีกรสาวไม่เลิก
ล่าสุด กุ๊ก-ชลธิชา พร้อมนายสมจิตรผู้เป็นพ่อได้ออกมาเปิดใจในรายการ ''คนดังนั่งเคลียร์'' ที่ดำเนินรายการโดย อ.ยิ่งศักดิ์ ที่สตูดิโอ สตาร์แม็กซ์ ลาดพร้าว 15 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ก.ค. 56 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาหลักแฉกลับฝ่ายจั๊กกะบุ๋มว่า ได้หลอกตนเองด้วยการทิ้งเมียที่กำลังท้องมาหลอกคบกับตน นอกจากนี้ยังได้นำข้อความในไลน์และคลิปเสียงที่โดนอีกฝ่ายด่าออกมาซัดตลกดังในรายการ
โดย กุ๊ก ได้กล่าวว่า
''รู้จักกันมา 4 เดือน ที่เชื่อว่าเขาเลิกกับเมียแล้วจริงๆ เพราะเขามาขออยู่กับเราด้วย แต่เขาจะออกไปตอนเช้าประมาณตี 4 โดยเขาบอกว่าเขาเป็นคนจะต้องไปส่งลูก เขาบอกว่าเขาทำหน้าที่พ่อ เราก็เชื่อ''
พ่อของกุ๊กเสริมว่า
''ผมเองรู้จักเขา เพราะผมเคยเป็นผู้จัดการตลกมาก่อน ก็เคยเห็นหน้าค่าตากัน แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ก็รู้ว่าเขามาจีบลูกสาว โดยมาบอกว่าเขาเลิกกับลูกเมียเขาไปแล้ว เขาก็มาขอตามจีบ ผมก็บอกว่าถ้ามีลูกมีเมียอยู่ก็ให้ไปดูแลครอบครัวตัวเอง เขาก็มาตามลูกสาวผมอยู่เรื่อย แล้วมาขออาศัยอยู่กับลูกสาวผม ไม่ค่อยกลับบ้าน เขาบอกว่าเขาเลิกกับเมียเขาแล้ว เขาเลยขอมาอยู่ด้วย ก็อยู่ด้วยกัน 3 คนในคอนโดเล็กๆ นอนอยู่ด้วยกันหมดเลย เราไว้ใจเขา เพราะเราเห็นว่าเป็นคนในวงการเดียวกัน ก็ไม่คิดว่าจะมาทำร้ายกันขนาดนี้''
นอกจากนี้ กุ๊กยังได้ปฏิเสธเรื่องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตแฟนตลก ถึงแม้จะกินนอนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกว่า 4 เดือน โดยอ้างว่าอยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อตลอด
''ไม่มีอะไรกันเลย เราเป็นแค่แฟนกันค่ะ ก็รักเขานะ เราอยู่ในห้องที่มีพ่อเราอยู่ด้วยตลอด เวลาพ่อไม่อยู่ก็ไม่ได้มีอะไรกัน แต่อยู่มาได้พักนึงมีไลน์ของภรรยาเขาเข้ามาขึ้นไทม์ไลน์ เหมือนว่าเราจะไปแย่งสามีเขา ว่ามันบาปนะ เราเลยถามเขา เขาก็บอกว่าเขาพูดไปแล้ว เขาเลิกกันแล้ว แต่เขาแค่ดูแลลูก เราเองก็ไม่เคยติดต่อพูดคุยกับภรรยาเขาเลย''
''ที่อยู่ด้วยกันมาผู้ชายเขาก็ทำตัวดีตลอด ไปไหนมาไหนด้วยกัน เขามาขอว่าเขาจะขอเปิดตัวกับกุ๊กได้ไหม ผมก็ถามไปว่า แล้วครอบครัวบุ๋มล่ะ เขาบอกว่าเขาไม่สนใจ เขารักกุ๊กคนเดียว เขาอยากแต่งงานกับกุ๊ก ผมบอกว่าให้ไปเคลียร์กับลูกเมียให้จบก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน และตอนที่เขาพูดเขาเมาด้วย เราไม่อยากจะไปอะไร เขารักกันเรากีดกัน ก็ปล่อยเขาไป''
พิธีกรสาวยังได้แฉต่ออีกว่า
''เขามาอยู่ด้วยกัน 4 เดือนก็ไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ขอยืมเงินไป กุ๊กเองอยากได้คืน แต่ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยบอกว่า ให้จ่ายค่าคอนโดให้หน่อย เขาก็โอเค แต่มันยังไม่ครบจำนวนที่เขาเอาไป กุ๊กเองไม่ได้คิดจะเอาเขามาทำผัวอยู่แล้วด้วย เราไม่เคยยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ด้วยความที่เรารู้จักกันไม่นาน ก็ยอมรับว่าเราเองอาจจะไว้ใจคนมากเกินไปให้เขาเข้ามาอยู่ง่าย ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนอย่างนี้ เขายืมไป 2 หมื่น แต่เขาจ่ายค่าคอนโดให้ ซึ่งก็ยังไม่ครบ เบ็ดเสร็จเกือบ 5 หมื่นที่ยังไม่ครบ''
นอกจากนี้ พิธีกรสาวยังได้เผยถึงสาเหตุที่ต้องตัดใจจากอดีตแฟนตลกหนุ่มแบบขั้นเด็ดขาด ก็เพราะถูกภรรยาของ จั๊กกะบุ๋มทวงสามีผ่านไทม์ไลน์ นอกจากนี้ ยังได้ไปรู้มาอีกว่า ภรรยาของตลกคนดังกำลังตั้งท้องอีกต่างหาก ยิ่งทำให้ตนตัดสินใจและไม่คิดจะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ต่อไป
ในส่วนของหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคลิปเสียงการสนทนาที่ฝ่ายชายด่าทอพิธีกรสาว และข้อความในไลน์ที่ตลกหนุ่มเป็นผู้ส่งข้อความไปยังเพื่อนและเจ้าของรายการที่พิธีกรสาวทำงานอยู่นั้น ''กุ๊ก-ชลธิชา'' ได้นำมาเปิดในรายการบางส่วน โดยเจ้าตัวถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะเอาผิดอดีตแฟนหนุ่มในทางคดีได้ โดยกุ๊กได้เผยถึงที่มาที่ไปที่ตนต้องเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับอดีตแฟนหนุ่ม เพราะถูกฝ่ายชายเอาโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกับทำพฤติกรรมรุนแรงกับตนเอง ทั้งกระชากคอเสื้อและด่าทอหยาบคาย จนตนและพ่อทนไม่ไหวจึงดำเนินการแจ้งความ
''เรามีหลักฐานเก็บไว้ทั้งคลิปเสียงและไลน์ เขาทั้งไลน์ไปด่าเพื่อนกุ๊กและเจ้านายกุ๊กด้วย วันที่เกิดเหตุคือกุ๊กไปทำธุระกับพ่อมา กลับบ้านมาก็เจอเขาในห้อง ซึ่งตลอดเวลาช่วงนั้นกุ๊กปรึกษากับพ่อตลอดว่าเราจะทำยังไงกันดี วันนั้นเจอเขาเขาให้ไปร้องเพลงด้วยกันกับเขา ปกติมีคุณพ่อไปด้วย แต่พ่อไม่ไปเพราะต้องไปงานต่อพรุ่งนี้เช้า พอไปถึงเขาก็กระชากคอเสื้อกุ๊กแล้วเอาโทรศัพท์ไป บังคับให้บอกรหัสผ่าน เพื่อขอดูข้อความที่กุ๊กส่งไลน์ไปคุยกับเจ้านายกุ๊ก เพื่อขอสลิปเงินเดือนไปซื้อคอนโดให้พ่อ ซึ่งคำพูดระหว่างกุ๊กกับเจ้านายไม่ได้มีอะไรส่อไปในทางชู้สาวเลย หลังจากที่มีเรื่องกันแล้ว เขาก็เยาะเย้ยกุ๊ก หัวเราะบอกพรุ่งนี้มึงก็ไม่มีงานทำแล้ว อี-อกทอง อีช้างเ-็ด อีกะ_รี่ อะไรแบบนี้ เขาจะทำลายทุกๆ ที่ที่กุ๊กทำงาน เขาบอกว่ากูจะไปป่วนทุกที่ ที่เขาเป็นแบบนี้บางช่วงเขาก็อยู่ในอาการเมา แต่บางครั้งเขาอยู่ในอาการปกติ กุ๊กคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันคงอยู่ในกมลสันดานของเขามากกว่า''
''หลังจากเกิดเรื่องแล้ว ลูกกลับบ้านก็มาเล่าให้ฟัง เลยโทร.ไปเคลียร์กับเขา บอกว่าทำอย่างนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายนะ ทำไมมารับไปแล้วไม่ยอมมาส่ง ไปทิ้งไว้กลางทางอย่างนั้นได้ยังไง เขาพูดกลับมาว่าเอาไปส่งแล้วแต่ไม่รู้ว่าลูกพ่อไปดอกทองนอนกับใครที่ไหน ซึ่งผมแค้นมากกับคำพูดนี้ เขาก็โทร.มาป่วนเป็น 30 สาย เลยบอกให้ลูกอัดคลิปเสียงไว้ แล้วก็ไปแจ้งความ''
กุ๊ก-ชลธิชา ยังได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า
''ที่ออกมาพูดเพราะอยากให้สังคมรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นยังไง แล้วมันยังเป็นผลกระทบกับเจ้านายกุ๊กอีก เขาจะได้ไม่เข้าใจผิดว่า กุ๊กทำจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่กุ๊กจะมานั่งอยู่เฉยๆ ตอนนี้ขอจบแล้วถ้าต้องอยู่กับคนแบบนี้ กุ๊กขอตายดีกว่า กุ๊กไม่กลัวนะว่าเขาจะมาทำร้ายอะไรกุ๊กอีก ตัวกุ๊กไม่มีศัตรู ถ้ากุ๊กโดนทำร้ายก็คิดได้เลย จริงๆ ก็อยากจะบอกกับพี่บุ๋มว่า พี่เขาทำได้กับกุ๊กแค่คนเดียว พี่ไปทำกับคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ถ้าจะรักใครสักคนก็อย่าไปบังคับเขาให้มารักดีกว่า ให้เขารักมาจากใจ อย่าไปผูกเขาไว้เหมือนที่ทำกับกุ๊ก''
''ที่แจ้งความเพราะผมก็ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พอจะคุยกับเขาเขาหนีหน้าผม มีทางเดียวคือการแจ้งความดำเนินคดีกับเขา เราไม่อยากให้เขาเป็นจุดดำของวงการตลก เพราะผมเองก็อยู่ในวงการตลก มันจะเสียชื่อ ส่วนลูกสาวผมก็ต้องเสียหายอยู่แล้ว แต่ถ้าผมไม่ออกมาพูด คนอื่นก็จะโดนหลอกไปทั่วจากคนๆ นี้ ผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยทำแบบนี้มาอาจจะไม่มีกระบอกเสียง ฉะนั้นเราต้องออกสู้เพื่อศักดิ์ศรีของเราเอง'' พ่อกุ๊กกล่าวเสริม
สุดท้ายกับคำถามที่ว่า หลายคนมองว่าเป็นการเรียกกระแสหรือเปล่า เพราะกำลังจะมีผลงานเพลงลูกทุ่งในเร็วๆ นี้ พิธีกรสาวกุ๊กกล่าวว่า
''ไม่ใช่ เพราะกระแสแบบนี้เป็นเรื่องไม่ดี เราไม่สามารถรู้ได้ว่า สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นวันไหน สิ่งที่เราโดนกระทำมาเราก็ต้องรีบแจ้งทันที และไม่ได้คิดว่าเป็นการแบล็กเมล์ เพราะเป็นเรื่องจริง พี่บุ๋มเขาทำจริงๆ และที่อัดเสียงไว้ เพราะเมื่อคืนเขาโทร.มาด่าตน 30 สาย โทร.มาด่าพ่อตน จนพ่อบอกว่าให้อัดเถอะ เพราะเราเป็นลูกผู้หญิง เราเลยป้องกันตัวเอง''
ที่มา สยามดารา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น