เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้ออกปากตำหนิ หมอลำซิ่งเงินล้าน “ลำไย ไหทองคำ” เจ้าของเพลง “ผู้สาวขาเลาะ” เพราะอดรนทนไม่ไหวกับการแต่งกาย รวมทั้งท่าเต้นที่ล่อแหลม จนกลายเป็นกระแสวิพากวิจารณ์อย่างหนัก ก่อนเจ้าตัวออกมาน้อมรับคำตำหนิและรับปากว่าจะเต้นให้เบาลง
ล่าสุดนักข่าวได้สอบถามความคิดเห็น นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ถึงเรื่องดังกล่าว โดยนายกสมาคมเสริมสร้างความครัวให้อบอุ่นและเป็นสุข กล่าวว่า
“ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มองเห็นปัญหาดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก หลายคนไม่รู้จักคำว่าละอาย แต่นายกรัฐมนตรีมองเห็นถึงปัญหาที่ปล่อยปละละเลยกันมานาน คำถึงผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ และให้ความสำคัญกับผู้หญิงถึงกับรับไม่ได้ จึงต้องออกมาตำหนิในเรื่องดังกล่าว ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนในเรื่องนี้ ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ก็ดีใจและต้องขอบคุณ
“รุ่นพี่อย่างน้องจ๊ะ อาร์สยาม ที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของอาการคันหู ก็ออกมาปกป้องอีก ส่วนตัวไม่เข้าใจเลย การที่ออกมาให้ความเห็นครั้งนี้ไม่ได้ต้องการทำลายชื่อเสียงของเด็ก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปลายทางแล้ว ทั้งเนื้อเพลง การแต่งกาย ถูกครีเอทถูกสร้างขึ้นมาทั้งนั้น ดิฉันเองไม่เชื่อว่าเด็กผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่งพูดเหน่อๆ จะมีศักยภาพจะทำได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของเงิน หรือผลประโยชน์ของการประกอบธุรกิจ วันนี้ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีอีกครั้งที่เห็นความสำคัญของเพศแม่ เราเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน ‘จ๊ะ อาร์สยาม’ ยังจะมาสนับสนุนเรื่องแบบนี้อีก จนกลายเป็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นการทำจนเคยเป็นเรื่องปกติธรรมดา เหมือนปัจจุบันผู้หญิงอายุ 40-50 ปี บางคนยังสวมใส่กางเกงขาสั้นเกือบถึงแก้มก้น ถ้าสั้นแค่หน้าขาก็คงไม่มีใครว่า กลายเป็นว่าประเทศไทยวันนี้สุภาพสตรีไม่ค่อยรักนวลสงวนตัว โดยขอว่าอย่าให้อุจาดตาเลย ถ้าอยู่ในห้องนอนส่วนตัวที่รโหฐานของคุณนั้นก็สามารถทำได้ จะเดินแก้ผ้าก็เชิญ” นางระเบียบรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่าจะเรียกร้องไปยังนายทุนหรือผู้ประกอบธุรกิจหรือไม่ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น นางระเบียบรัตน์ กล่าวว่า
“เรื่องนี้ไม่ต้องเรียกร้อง แต่ทุกคนน่าจะมีวิจารณญานว่าอย่าทำลายสถาบันของผู้หญิงเลย ขอให้ขายความสามารถของนักร้องคนนั้นๆ ดีกว่า แม้แต่ฉายาตั้งกันแบบอุบาทว์มากอย่าง “จ๊ะ คันหู” ตั้งฉายากันทำไม สองแง่สามง่าม ถ้าจะเรียกหรือพูดกันในกลุ่มเป็นโจ๊กก็คงไม่มีใครว่า แต่เมื่อทำออกสื่อ ออกสู่สาธารณะแบบนี้น่าละอาย เป็นห่วงเยาวชน”
ที่มา : khaosod
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น