วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ฟังอีกด้าน ข่าวการ์ดดาราทำร้ายลูกชายนายพล

ตอนนี้ข่าวทอล์คออฟเดอะไทม์กรณีที่มีข่าวการ์ด 6 ดาราดัง ตื้บลูกนายพลจนอาการสาหัส ทำเอาบรรดาดาราที่ไปที่ร้านดังของเชียงใหม่ในคืนนั้น โดนวิจารณ์อย่างหนักจนต้องออกมาโพสต์ชี้แจงและแถลงข่าวกัน แต่ล่าสุดดูเหมือนเรื่องทั้งหมดอาจจะพลิกซะเเล้วเมื่อมีคนมาโพสต์อีกด้านหนึ่งชองเหตุการณ์ในคืนนั้น


โดยเมื่อกลางดึกวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ อายุ 23 ปี ลูกชายพล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผบ.มทบ.38 ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ว่าโดนกลุ่มการ์ดของ “มาลินสกาย” ผับชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ดั้งจมูกหัก ฟันแตก กรามร้าว ตาซ้ายมีปัญหามองไม่เห็น โดยนายอิศราชนุวัฒภ์อ้างว่าก่อนเกิดเหตุกำลังจะเข้าห้องน้ำ แต่โดนการ์ด 4 คนขวางไม่ให้เข้า บอกว่ามีกลุ่มดาราสาว อาทิ “อุ้ม ลักขณา” “แต้ว ณฐพร” และ”มิว นิษฐา” กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ ตนจึงโวยวายว่าเป็นห้องน้ำสาธารณะ ทำไมจะเข้าไม่ได้ จนเกิดปากเสียงและเกิดเหตุรุมทำร้ายกันขึ้น

หลังจากนั้น นางเอกสาว มิว นิษฐา หนึ่งในดาราที่โดนพาดพิงมีในข่าวการ์ดดาราทำร้ายลูกชายนายพลในผับที่ จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาเปิดใจ ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีการ์ดดารา และไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ เปรยไปเข้าห้องน้ำก็แต่คิวปกติ ตอนเกิดเรื่องเห็นคนมุงกันแต่ไม่ได้เข้าไปดูเพราะกำลังจะกลับพอดี วอนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าว บอกไม่คิดเอาชื่อเสียงมาแลกกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนทางผู้ใหญ่ช่องและครอบครัวก็เข้าใจ

ขณะที่ แต้ว ณฐพร บอกว่าการ์ดเป็นของทางร้านจัดมาโดยที่ดาราไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เป็นคนจ้าง และกลุ่มดาราไม่ได้เป็นคนสั่งทำร้าย ส่วนตัวเธอเองกลับไปก่อนแล้วจึงทราบว่าเกิดเรื่องขึ้น

ล่าสุดดูเหมือนเรื่องทำท่าจะกลับตาลปัตร เมื่อมีผู้หญิงรายหนึ่งออกมาโพสต์เฟสบุ๊คถึงลูกนายพล โดยสรุปสั้นๆว่าอย่าฟังความข้างเดียว เเถมยังบอกอีกว่าลูกนายพลโวยวายเรื่องสิทธิเเถมยังพูดว่าจะสั่งปิดร้านอีกด้วย เรียกได้งานนี้เป็นอีกมุมจะจริงหรือไม่จริงนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไป






ที่มา baabin.com, gossipstar.mthai.com

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เสก โลโซ เปิดตัวเป็นแฟนกับ แซนวิช ส่วน กานต์ ไม่มีสิทธิ์หึง เพราะให้แค่สถานะเพื่อนเท่านั้น

ร็อกเกอร์ชื่อดัง เสก โลโซ กลับมาหัวใจสีชมพูอีกครั้ง หลังได้เปิดตัวว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับสาวรุ่นน้อง แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์ นักแสดงสาวช่อง 7 ที่มีภาพคู่หวานๆ ออกมาให้เห็นกัน


 ล่าสุดได้เจอนักร้องคนดัง เสกสรรค์ ศุขพิมาย หริอ เสก โลโซ ในงานฉลองมงคลสมรสของ เอ็ม บุษราคัม และ กอล์ฟ กรวัฒน์ ผู้สื่อข่าวจึงได้ขออัปเดตเรื่องราวความรักครั้งใหม่ โดย เสก ได้เผยว่า
     
"วันนี้มาร่วมแสดงความยินดีกับน้องเอ็ม ถือโอกาสมาดูงานแต่งด้วย แต่ผมยังไม่แต่งหรอก ตอนนี้ยังรู้สึกมีปัญหา แต่ไม่อยากพูดถึง เพราะตอนนี้งานก็ดี กิจการก็ดี ความสัมพันธ์กับน้องแซนวิช เรากำลังคบหาดูใจกันอยู่ รู้จักกับน้องประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ตกลงคบเป็นแฟนได้เดือนกว่า ผมชวนน้องที่สนิทของผมมาทานข้าวแล้วน้องเขามาด้วยเลยได้รู้จักกัน ตอนแรกไม่ได้รู้สึกชอบน้องเป็นพิเศษ แต่เขาเป็นคนไลน์มาจีบผม เพราะตอนนั้นแลกไลน์กัน เขาเป็นคนไลน์หาผมก่อน ผมคิดว่าเขาคงชอบผม น้องบอกว่าชอบที่ผมเถื่อนและเป็นคนตรงดี"    
      

มีคนมองว่าน้องมาเกาะกระแสดัง?
"ผมไม่ได้คิดว่าน้องจะมาเกาะกระแสความมีชื่อเสียงของผม เพราะเขาบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้าผมทำให้น้องมีชื่อเสียงขึ้นมาได้ผมก็ดีใจ ตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันแล้ว สำหรับเรื่องที่กานต์โพสต์ไม่พอใจ ผมคิดว่าเขาคงหึงผม ซึ่งจริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์มาหึง เพราะผมบอกเขาไปแล้วว่าผมไม่ใช่คนรักของเขา เราเป็นเพื่อนกัน ทางแซนวิชเองผมก็บอกเขาตั้งแต่เริ่มคบกันว่า เป็นแฟนพี่ต้องอดทน เขาก็น่าจะเข้าใจ ซึ่งแซนวิชก็โอเค แต่ทางผู้ใหญ่ช่อง 7 ก็เตือนน้องว่าไม่อยากให้เป็นเรื่อง ผมก็บอกน้องว่า คิดจะเป็นคนในวงการต้องยอมรับให้ได้ทุกอย่าง อย่างตัวผมเองก็ผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว ส่วนครอบครัวของน้องก็มีชื่อเสียง ผมก็อยากให้เข้าใจว่าเราคบกันจริงๆ"            


แล้วคุณกานต์ว่าอย่างไรบ้าง?
"กับกานต์เขาต่อว่าผมตั้งแต่วันลอยกระทง วันที่ผมโพสต์รูปน้อง เขาบอกว่าทำไมไม่เกรงใจเขาเลย แต่ผมไม่ได้เป็นสามีคุณกานต์แล้ว ผมก็เป็นห่วงเขาเพราะเราเป็นเพื่อนกัน ก่อนเราจะทะเลาะกันก็ยังคบหากันดีๆ ผมยังไปหาลูกเรื่อยๆ แต่พอโพสต์รูปแซนวิช กานต์เขาก็ระเบิดขึ้นเลย ซึ่งผมก็ไม่ได้เข้าไปอ่าน และเรื่องของเขาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของผมกับแซนวิชเลย ผมเป็นคนเจ้าชู้ อาจจะไปถ่ายรูปกับคนโน่นคนนี้ เรื่องนี้บอกเลยว่า ใครมาคบกับผมต้องอดทน เป็นนักดนตรี นักร้องมีชื่อเสียง คนก็ชอบเยอะ ผมก็บอกกับแซนวิชแบบนี้ เขาก็บอกว่ารับได้"
         

แล้วจะหยุดที่น้องเลยไหม?
"ถามว่าจะหยุดที่น้องไหม อันนี้ผมไม่ขอตอบดีกว่า รักครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นความรักที่ก่อตัวมาไม่นาน ผมไม่ได้บอกว่าผมรักเขามากจนจะขอเขาแต่งงาน ต้องค่อยๆ ดูกันไป น้องเป็นคนที่ใช่ในเวลานี้ น้องน่ารัก เป็นคนที่ควรจะคบหาดูใจกัน เขานิสัยดีมาก ไม่เคยมีใครพาหมาผมไปหาหมอเหมือนเขา ไม่เคยมีใครมาเก็บเตียงนอนให้ผมแบบนี้ เรื่องอายุไม่มีปัญหา ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมแก่ รู้สึกว่าเป็นวัยรุ่นเสมอ เวลาพาลูกไปเที่ยวยังรู้สึกตัวเองเป็นเด็กๆ แต่ผมยังไม่ได้พาแซนวิชไปหาลูกๆ เพราะกานต์ไม่ยอมให้ลูกมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ด้วย แม้แต่ลูกจะกลับมาบ้านซึ่งลูกมีสิทธิ์แต่เขาก็ไม่ยอม และแน่นอนผมไม่ทำร้ายน้ำใจเขาโดยการฟาแฟนใหม่ไปหาลูก"            

"ทางครอบครัวของน้อง ผมเคยเจอแม่ของเขาครั้งหนึ่ง แม่เขาจับมือผม ไม่ได้ฝากฝังอะไร แม่เขาคงชอบผู้ชายจริงใจ ส่วนคุณพ่อผมยังไม่ได้เจอ แต่ก็ฝากสวัสดีไป สำหรับเรื่องการเลี้ยงดูลูกๆ ยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรบกพร่องแม้แต่นิดเดียว ยังรับผิดชอบเรื่องเงินให้ลูกตลอด แต่สำหรับกานต์ผมว่ามันตัดกันไม่ขาดหรอก เขาก็ยังเป็นเพื่อนของผมเหมือนเดิม ถ้าเขายอมรับว่าเราเป็นเพื่อนและช่วยกันเลี้ยงลูกไปมันก็จบ ผมว่าเดี๋ยวเขาก็มีสติ"            

แล้วเรื่องคดีความตอนนี้เรียบร้อยแล้วหริอยัง?
"ส่วนเรื่องคดี ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีมาก ศาลตัดสินว่าวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ให้รอลงอาญา 2 ปี ผมต้องรับใช้สังคม 3 ครั้งในปีหน้า และค่าเสียหายผมจ่ายให้เขาแล้วเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เมื่อเราดูแลรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลแล้วก็ต้องมาตัดสินเพื่อให้รู้ว่าศาลโปร่งใส ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้รู้สึกตัวเองเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อก่อนไม่ค่อยรับผิดชอบอะไรเยอะมาก แต่ตอนนี้เราต้องรับผิดชอบธุรกิจด้วย ต้องเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็นมากขึ้น ผมไม่ได้มีเรื่องกับใครแล้ว"

ที่มา : gossipstar.mthai.com

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชาวเน็ตแห่ชื่นชม กาละแมร์ สวมรองเท้าดำให้พี่น้องตาบอดที่เข้ากราบพระบรมโกศ

หลังจาก พิธีกรสาวคนดัง “กาละแมร์”พัชรศรี เบญจมาศ ได้โพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมข้อความว่า พี่น้องตาบอดจากนครศรีธรรมราช บอกแม่ให้พามากราบในหลวง เพราะเมื่อปี 2550 พระองค์ทรงสร้างบ้านให้พวกเขาได้มีที่อยู่ เราช่วยกันเปลี่ยนชุดให้แม่และลูก แม่กลับมาคืนเสื้อผ้า ดีใจน้ำตาคลอที่ในที่สุดก็ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ….. #ยืมผ้าเพื่อกราบพ่อ ทำเอาบรรดาชาวโซเชียลแห่กดไลก์กันกระหึ่มอินสตาแกรม



โดย "กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ" และ "รัศมิ์ลภัส กัลยาศิลปิน" นำทีมให้ยืมชุดดำเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ ร่วมกับช่อง 3 ได้เริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา บริเวณกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ย้ายมาที่บริเณท้องสนามหลวง เต้นท์43 โซนใต้
อย่างไรก็ตาม กาละแมร์ ในฐานะตัวแทน กลุ่มจิตอาสา”ยืมผ้าเพื่อกราบพ่อ” เปิดเผยว่า ขณะนี้ประชาชนจำนวนมาก มาใช้บริการยืมเครื่องแต่งการสีดำ เพื่อเข้าไปสักการะพระบรมศพ โดยเฉลี่ยวันละประมาณ 3,000 คน มีทุกเพศ ทุกวัย แต่ขณะนี้มีปัญหา ขาดจิตอาสา ที่มาช่วยให้บริการยืม คืนชุด และรับแลกบัตร ณ จุดบริการ โดยเฉพาะช่วงเวลา ตั้งเวลา 19.00-22.00 น. 

ขณะที่ทางสำนักพระราชวัง ได้ประสานมา อยากให้เปิดบริการตั้งแต่เวลา 04.00 น. ซึ่งทางกลุ่มอยากบริการประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ติดขัดตรงที่จิตอาสาที่ไม่มีพอ โดยขณะนี้มีจิตอาสาเพียง 40 คน ที่สลับกันมาทำหน้าที่ตั้งแต่เวลา 8.00-20.00 น. และแม้จะปิดการให้ยืมแล้วก็ยังมีขั้นตอนการอประชาชนนำชุดมาคืน ซึ่งกว่าจะเสร็จกระบวนการ ทั้งหมด ราว 22.00 น. ดังนั้นจึงอยากขอเชิญชวนประชาชน หรือผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจิตอาสา ผู้สนใจสามารถติดต่อประสานได้ที่คุณปอ โทร 098-279-7851

ที่มา  อินสตาแกรม @kalamare

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

น็อต อัครณัฐ ขออโหสิกรรมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ยันไม่เอาผิดในทุกๆ กรณี พร้อมรับผิดชอบค่ารักษา

พิธีกรหนุ่ม น็อต อัครณัฐ คดีดัง ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมชกคู่กรณี หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์จนดั้งจมูกหัก ล่าสุด เจ้าตัวได้เปิดการแถลงข่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ขอเอาความใดๆ กับคู่กรณี ส่วนด้านคดีความให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ



โดยในวันนี้ (14 พ.ย.) น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล คดีฉาว "กราบรถกู" ได้เปิดใจแถลงข่าวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่ สน.ยานนาวา โดยมีสื่อมวลชนให้ความสนใจมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่า


"วันนี้ผมได้มาให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าผมไม่เอาผิดอะไรน้องบอยแล้วครับ"

สาเหตุที่เราตัดสินใจไม่เอาความคู่กรณีเพราะอะไร?
"จริงๆ ผมไม่ได้แจ้งความอะไรแต่แรกครับ และผมก็รู้สึกผิดมากๆ ตอนนี้มันแย่จริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเลยอยากจะมาให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าผมไม่เอาเรื่องกับน้องแล้วครับ"

เราบอกไม่ได้แจ้งความแต่ต้น จะดูขัดกับคำพูดตอนแรกไหม?
"จริงๆ คือไม่ได้แจ้งความครับ แค่มาให้ปากคำเพิ่มเติม แต่ในการดำเนินคดีผมไม่ทราบจริงๆ"

วันนั้นที่มาหาตำรวจเราได้แจ้งความไหม?
"ไม่ได้แจ้งครับ วันนี้มาให้ปากคำเพราะผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ รู้สึกผิดกับน้องบอยและทุกๆ อย่าง เพราะฉะนั้นผมขอโทษ ผมฝากไปถึงน้องบอย ครอบครัวน้องบอย และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้อง ผมขอโทษครับ ผมอยากจะขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนที่ต้องรบกวนหลายๆ ครั้ง ขอโทษครอบครัวที่ผมรักมากๆ ขอโทษเพื่อนๆ ขอโทษผู้ใหญ่จากทั้งแกรมมี่ หรือไทยพีบีเอส หรือผู้ใหญ่ทุกคนที่รักและเอ็นดูผม"

"ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษที่มีสติไม่เพียงพอ ขอโทษโรงเรียนอัสสัมชัน ขอโทษคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย ผมขออโหสิกรรมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นนะครับ ผมรู้สึกผิดมากแล้วครับ ผมแย่มากแล้วครับ ผมขอปรับปรุงตัวใหม่ให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องค่าที่ต้องรับปิดชอบน้องบอย ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมยืนยันเหมือนเดิมว่าผมจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลน้องบอยอย่างเต็มพลังที่จะทำได้"

"ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคำติเตือน ผมจะเอาคำเหล่านั้นไปแก้ไขตัวเองครับ ผมผิดจริงๆ ขอโทษจริงๆ ผมอยากให้ทุกคนอโหสิให้ด้วยครับ"

วันนี้ที่ออกมาพูดเพราะจากกระแสสังคมที่โดนหนักจนทนไม่ไหวด้วยหรือเปล่า?
"กระแสสังคมไม่เกี่ยวครับ ผมรู้สึกผิดจากตัวผมเอง รู้สึกผิดจากข้างในผมเอง สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดตอนนี้มันเกิดจากตัวผมที่มีสติไม่เพียงพอ ผมเลยอยากจะมาขอโทษ"

ก่อนหน้าที่จะออกมาพูดวันนี้ ได้พูดคุยกับทางครอบครัวของน้องบอยไหม?
"ผมพยายามติดต่อน้องบอย คุณแม่น้องบอย พยายามไปหาที่โรงพยาบาลเขาก็ไม่ออกมารับ แต่ไม่เป็นไรครับ เขาคงจะโกรธผมมาก ตอนนี้ผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ ไม่อยากเอาผิดอะไรกับน้องเขาแล้วครับ"

ในช่วงวันแรกเราได้ถ่ายคลิปตอนเจรจาครั้งแรกกับครอบครัวน้องไว้เพราะอะไร?
"ผมกลัวครับ กลัวว่าแม่เค้าจะผิดสัญญาหรือเปล่า ตอนนั้นผมกลัว ผมขอโทษ"

ก่อนหน้าหลายคนเข้าใจว่าเราแจ้งความกลับ แต่วันนี้ยืนยันว่าไม่ได้แจ้งความ?
"ผมยืนยันนะครับว่าผมไม่เอาความผิดอะไรกับน้องเขาแล้วครับ"

"วันนี้ผมมาให้ปากคำในประเด็นนี้ครับ ว่าจะทำยังไง อยากเอาความหรือไม่เอาความ ผมก็บอกไปว่าผมยอมแล้วครับ ผมไม่เอาความ เอาแบบนี้ดีกว่าครับ ในเรื่องของคดี ตำรวจ ผมไม่ทราบว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ตอนนี้ผมรู้สึกผิดจากใจ ผิดกับทุกคน ผิดมากๆ ขอโทษจริงๆ ครับที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ ขออโหสิกรรมด้วยนะครับ"

"ทุกวันนี้ความผิดมันอยู่ที่ผมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใคร ขอให้ความผิดอยู่กับผมคนเดียว"

"สำหรับผู้ใหญ่ทุกท่านที่เคยเอ็นดูผม ผมพยายามโทรขอโทษ และผมจะเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และส่งผลกระทบให้ครับ"

หลังจากนี้เราแผนชีวิตไว้อย่างไรต่อไป?
"ผมคิดว่าผมจะไปปฏิบัติธรรมครับ"

แต่ขับรถชนเป็นคดีอาญาไม่สามารถยอมความได้?
"ผมไม่ทราบเลยครับ แต่ผมยืนยันคำเดิมนะครับว่าผมจะช่วยเหลือมาตลอดอย่างเต็มที่ แต่บางทีอาจจะมีคำพูดที่ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็ยืนยันว่าผมจะไม่เอาผิดในทุกๆ กรณีครับ ซึ่งทางตำรวจก็ได้ลงบันทึกไว้เพิ่มเติมแล้วครับ"

ที่มา สนุกดอทคอม

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

น็อต กราบรถ โดนแกรมมี่ GMM TV แถลงยกเลิกสํญญาแล้ว

คลิป"กราบรถกู" ที่โด่งดังชั่วข้ามคืนในโลกโซเชียลของพิธีกรในสังกัดแกรมมี่ GMM TV  น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ที่อารมณ์เดือดเกินเหตุกระชากคอเสื้อและต่อยหนุ่มมอเตอร์ไซค์ที่มาชนรถมินิของตนได้รับเสียหาย ทำให้ต้นสังกัดออกมแถลงการลงโทษสถานหนัก


คลิป กราบรถ พ่นพิษ ทำดาราและพิธีกร น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล ในสังกัดแกรมมี่ GMM TV ที่อารมณ์เดือดทำลายร่างกายหนุ่มมอเตอร์ไซค์ที่มาชนรถมินิของน็อต ต้นกำเนิดประโยคเด็ด "กราบรถกู" ว่อนโลกออนไลน์

โดยในวันนี้ทางแกรมมี่ได้ยกเลิกแถลงข่าวของน็อตไป แต่ก็รีบออกจดหมายชี้แจง ดังนี้
จากเหตุการณ์การเผยแพร่คลิปพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของ น็อต-อัครณัฐ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น บริษัทจีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ในฐานะต้นสังกัดรู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และเห็นถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากฐานะการเป็นพิธีกรและนักแสดง ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน



โดยทางบริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขี้น ได้พิจารณาถึงบทลงโทษเพื่อจะได้ไม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนและสังคม ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยมีข้อสรุปว่า บริษัทฯ ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นพิธีกรและนักแสดง ในสังกัดของบริษัทฯ และขอยุติการทำงานทุกประเภทของ น็อต-อัครณัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

โดยหลังจากที่ประกาศออกไป มีหลายเสียงชื่นชมทางแกรมมี่ ที่มีมาตรการเด็ดขาดออกไป เพื่อไม่ให้ดาราในสังกัดมีเยี่ยงอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ยังมีเสียงตำหนิติติงจากบรรดานักแสดงและพิธีกรในวงการ รวมถึงคนดังในวงการต่างๆ ที่ได้ทราบข่าว โดยในวันนี้ (7 พ.ย.) นายวิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจและนักเขียนผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Vikrom Kromadit วิกรม กรมดิษฐ์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า


“ผมไม่เห็นด้วยกับการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้มี แต่กลับกลายมาเป็นการทำร้ายร่างกายคนที่เขาไม่แสดงการขัดแย้งอะไรเลย ไม่รู้ว่าคุณคนนี้แกใหญ่โตมาจากไหนถึงแสดงความป่าเถื่อนต่อหน้าสาธารณชนได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นคนไร้การศึกษาก็อาจพอเข้าใจได้ แต่ได้ข่าวว่าจบถึงจุฬาฯ และมีอาชีพเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน แถมยังได้รับรางวัลบุคคลดีเด่นอีก ทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงสังคมไทยเราจริงๆ ว่า ความเห็นแก่ตัวแล้วมักจะทำความเดือดร้อนรุนแรงกับคนที่อ่อนแอกว่าถือเป็นเรื่องที่สังคมหรือองค์กรที่ว่าจ้างคนจำพวกนี้ ไม่ควรปกป้องพฤติกรรมป่าเถื่อนที่โลกปัจจุบันรับไม่ได้ สังคมไทยต้องรักษาความยุติธรรมและสงบสุขด้วยกัน ไม่ควรมีที่ยืนให้กับคนเถื่อนเหล่านี้ครับ”


น็อต อัครณัฐ เปิดใจถึงเหตุการณ์ฉาว"กราบรถ" วอนอย่าตัดสินผมด้วยคลิปนาทีเดียว

หลังจากมีคลิปถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์วันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา กรณีเจ้าของรถเก๋งมินิสีเหลือง ซึ่งต่อมาทราบว่า เป็น นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต เวคคลับ พิธีกรและนักแสดง สังกัดบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่


โดยในคลิปดังกล่าวมีชายคนหนึ่งได้กระชากคอเสื้อชายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ชี้ไปยังรถเก๋งมินิ คูเปอร์ สีเหลืองดำ ทะเบียน ญย 8585 กรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าชนแล้วหนี ก่อนที่จะชกต่อย 3 ครั้ง แล้วพูดคำว่า “กราบรถกู” บังคับให้กราบรถของตน โดยจาการสืบถามทราบว่าเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 พ.ย. 2559

โดยหลังการเผยแพร่คลิปออกไปผู้เสียหายและแม่ได้เข้าแจ้งความที่สน.ยานนาวา ในเวลาต่อมา พิธีกรและนักแสดง น็อต อัครณัฐ พร้อมทนายได้เข้าพบพนักงานสอบสวนและเปิดใจกับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่า
“ผมสาบานว่าผมขอโทษที่ทำร้ายน้องบอย ผมบอกแม่ของน้องว่า แม้ผมไม่ค่อยมีเงิน ผมเป็นเด็กรับผิดชอบ วันนี้มีคนบุกมาปาไข่ที่ร้านผม พ่อแม่ผมโดนหมด ร้านอาหารผมก็โดน ผมถามว่าคนเหล่านั้นทำอะไรผิด ผมทำผิด ผมรับผิดชอบ ผมไม่เคยหนีไปไหน ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องหนีไปไหน ผมไม่ได้มาสร้างภาพเป็นคนดี ทุกอย่างอยู่ที่ใจของผม ผมตั้งใจทำมันออกมา แต่การกระทำแค่ 1 นาทีครึ่งนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาตัดสินผมเลย”

แล้วทำไมต้องให้กราบรถ ?
“ผมผิด ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาจะมีมีดมีปืนอะไรหรือเปล่า แต่ผมก็กลัว ตอนนั้นผมคิดว่าน้องต้องขอโทษ ผมก็บอกให้เขากราบ ผมผิดที่ผมใช้อารมณ์”

ตอนนั้นน้องเขาขอโทษแล้วทำไมต้องทำร้ายด้วย?
“ใช่ น้องเขาขอโทษ แต่ตอนนั้นมันเร็วมาก ดอกสุดท้ายนั้นไม่ทันจริงๆ ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าผมขอโทษครับกับน้องบอย คุณแม่สุธีรา และญาติๆ ผมขอโทษที่ทำให้น้องเจ็บ ผมจะรับผิดชอบและจะดูแลเรื่องนี้ตราบเท่าที่ผมจะทำได้”

“ผมขอร้องนะครับ การพิมพ์ข้อความของพวกคุณ มันบั่นทอนจิตใจของผม แต่ไม่เป็นไร แต่อย่าทำร้ายคนอื่น เพราะพวกเขาไม่เกี่ยว อย่าตัดสินผมแค่ 1 นาทีครึ่งแล้วมาทำร้ายครอบครัวผม”

ทางด้าน นายอดุล ทินะพงศ์ ทนายความส่วนตัว กล่าวเสริมว่า
“ขอให้ดูทรัพย์สินที่เสียหายสิครับ ดูร่องรอยไฟท้ายรถก่อนครับว่าเสียหายมั้ยครับ ถ้านักข่าวโดนคนหยิบมือถือแล้วปาทิ้ง จะรู้สึกอย่างไร อย่าบอกว่าไม่โกรธนะครับ ถ้าไม่โกรธ ผมขอมือถือมาปาหน่อยครับ”

เมื่อนักข่าวถามว่า การที่ทรัพย์สินเสียหายก็ไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายกัน น็อตได้กล่าวว่า
“เป็นการปกป้องสิทธิ์ของผมที่ทรัพย์สินเสียหาย”

โดยหลังจากให้สัมภาษณ์จบ น็อต อัครณัฐ ได้เดินไปยกมือไหว้นางสุธีรา แม่ของบอย เพื่อขอโทษอีกครั้ง ก่อนกลับออกไป


ที่มา ข่าวสด, ผู้จัดการออนไลน์
คลิปจาก Trevor Channel

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เกรซ กาญจน์เกล้า ทำยาดมสมุนไพรแจกที่สนามหลวง จนได้ฉายานางฟ้าสนามหลวง

ดาราสาว เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ร่วมทำความดีเพื่อพ่อหลวง ด้วยการนำยาดมสมุนไพรที่เจ้าตัวทำเองมาแจกให้กับประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพที่สนามหลวง ขอบคุณคนตั้งฉายา “นางฟ้าสนามหลวง” 


ล่าสุดได้เจอ “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่สนามหลวงขณะกำลังแจกยาดมสมุนไพรที่ทำเองให้กับประชาชนที่ท้องสนามหลวง โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ว่า


วันนี้นำยาดมที่ทำเองมาแจกเพราะที่สนามหลวงหายากเหลือเกิน ด้วยความที่เป็นที่ต้องการมากแล้วก็ขาดตลาด เป็นสิ่งที่คนแจกน้อยที่สุด ตอนแรกเราก็ซื้อ พอดูไปดูมาเราทำเองได้ พอดีรู้จักคุณหมอแพทย์แผนจีน พอคุณหมอบอกทำได้หลังจากนั้นก็ไปซื้ออุปกรณ์มาแล้วก็นั่งทำเลย ทำจนดึกแต่ก็ชื่นใจนะ ได้ทำกับมือเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ทำเพราะมันหาซื้อยาก แล้วกลิ่นก็เป็นกลิ่นที่เราชอบและคุณตาคุณยายน่าจะชอบ”

“สิ่งที่คนมาสนามหลวงต้องการมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ถ้าร้อนผ้าเย็นและพัด เป็นสิ่งที่สำคัญ โรงทานก็มีแล้ว ถ้าเป็นวันที่ฝนตกก็เสื้อกันฝน ร่มค่ะ แต่ยาดมได้ทุกสภาพอากาศค่ะ”

แล้วที่มีคนให้ฉายาเราว่า “นางฟ้าสนามหลวง”ล่ะ?
“ก็ไม่หรอกค่ะ คนที่เป็นจิตอาสาทั่วสนามหลวงมากกว่า ก็ขอบคุณที่มองเห็นความตั้งใจ สำหรับคนที่จะมาเกรซว่าดูสภาพอากาศให้ดีก่อน บางคนฝนตกไม่ไหว บางคนแดดร้อนๆ ก็ไม่ไหว เตรียมอุปกรณ์ที่ช่วยเซฟเรามาด้วย เพราะที่สนามหลวงของก็มีจำนวนจำกัด ไม่สามารถรองรับได้ทุกคน เเละสิ่งสำคัญเตรียมร่างกายมาให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”


ขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram: gracekanklao
ที่มา รักดารา