วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

แต้ว เเจงเหตุถอนตัว “พิรุณพร่ำรัก” ที่เล่นคู่ บอม

นางเอกสาว แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ที่ล่าสุดออกมายอมรับว่าถอนตัวจากละครเรื่อง “พิรุณพร่ำรัก” ที่เล่นคู่หนุ่มบอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องด้วยปัญหาด้านสุขภาพไม่ใช่ไม่อยากร่วมงานกับพระเอกหนุ่ม บอม-ธนิน มนูญศิลป์ ตามที่มีกระแสออกมา  


โดยดาราสาว แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ เปิดใจถึงประเด็นข่าวดังกล่าวขณะมาร่วมงาน แถลงข่าวเปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย ครั้งที่ 3 Thailand International Film Destination Festival 2015 : TIFDF2015 ณ อินฟินิซิตี้ ฮอลล์ โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 สยามพารากอน

“เกิดจากความไม่สมบูรณ์ของร่างกาย ช่งปีใหม่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย ก็รักษาตัวเพราะแต้วเป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง ตอนแรกเริ่มจากที่เราทานอาหารไม่ได้และเริ่มมีอาการป่วยเรื่อยๆ เราก็หาคำตอบไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ก็เข้าไปเช็กสุขภาพตลอด ก็เจอกระเพาะ ลำไส้อักเสบและลำไส้แปรปรวน อาจจะเป็นสาเหตุมาจากการที่เราทำงานและเครียดสะสมเลยส่งผลให้เรามีอาการปวดที่หลังด้วย”

“เราเริ่มถ่ายเรื่อง “พิรุณพร่ำรัก” ไป 2 คิวแล้ว ก็ต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาลทั้ง 2 คิวเลยเพราะอยู่ดีๆเราก็ปวดมาก จริงๆเป็นผู้ใหญ่แนะนำให้ถอนตัว ก็ทั้ง 2 ฝ่ายช่วยกันหาคำตอบว่าต้องทำยังไงดี การถ่ายทำก็ต้องดำเนินต่อไปแต่ตัวเราเองด้วยสุขภาพก็ไม่เต็มที่กับตรงนั้น ก็เลยปรึกษากันว่าจะมีทางออกยังไงบ้าง การเปลี่ยนตัวนักแสดงก็มีความเสียหายเกิดขึ้น ทางอายุ-ยุวดีก็เข้าใจเรื่องสุขภาพว่าให้เรารักษาตัวให้หายดีก่อน มีโอกาสก็จะกลับมาร่วมงานกันอีก ซึ่งเราก็แฮปปี้กับการทำงานกับทีมงานมาก แต่เราก็เครียดกับตรงนี้ แต่ส่วนเรื่องละครเรื่องอื่นอย่าง “แรด” ก็ยังถ่ายอยู่ค่ะ”

“สำหรับกระแสที่ไม่อยากเล่นคู่บอม มันก็แค่เป็นกระแสค่ะ ถึงแต้วจะพูดเท่าไหร่มันก็แล้วแต่คนจะคิดนะคะ นานาจิตตัง แต่ตัวเราเองยืนยันว่าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเลย เราก็เป็นนักแสดงคนนึงที่อยากทำงานเต็มที่ ถ้าเราทำได้ไม่เต็มที่ มีทางออกยังไงก็ค่อยมาว่ากัน เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับบอม แต่ตอนที่แต้วป่วยคุณน้าของบอมก็มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ”

“เรื่องการรักษาตัวนานแค่ไหน ยังบอกไม่ได้แน่นอน กำลังหาสาเหตุอยู่ว่ามันเป็นจากอะไรก็คงสักระยะนึง ด้วยความที่ไปถ่ายเรื่องนี้ต้องไปถ่ายที่ต่างประเทศด้วย ถ้าไปเป็นที่นู่นก็ค่อนข้างยากในการทำงาน ถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดายค่ะ เพราะพอเราเรียนขบก็อยากทำให้เต็มที่ แต่กลายเป็นว่าเป็นแบบนี้ไป มันก็เป็นโอกาสอีกโอกาสหนึ่ง เสียดายค่ะ”

“เรื่องกระทบงานอื่น ก็กังวลนิดนึงเหมือนกัน แต่ตอนนี้การแพทย์ก็ทันสมัยมาก ต้องค่อยๆรักษากันไปค่ะ อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นจากตอนนั้นมาก แต่ว่าต้องมีการระวังในเรื่องของการใช้ท่าทาง ต้องมียาคอยติดกระเป๋าไว้ตลอด”

“ส่วนแฟนคลับ จริงๆก็อาจจะกลัวเหมือนกันนิดนึงนะคะว่าจะมีปัญหา แต่ว่าคือตัวแต้วเองก็ไม่ได้มีอะไรค้างคาใจอยู่แล้ว เคลียร์ตรงนี้เรียบร้อย แฟนคลับแต้วเองก็เข้าใจอยู่แล้ว ให้กำลังใจแต้วมาตลอด เรื่องที่ป่วยอะไรแบบนี้ค่ะ”


วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ณิชา รับสนิท ไอติม ไม่หวั่นเรตติ้งตก แต่ไม่ใช้คำว่าแฟน

ช่วงหลังๆ มานี้ ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ ที่หมั่นลงรูปคู่กับ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ หลาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในอินสตาแกรมส่วนตัว ทำเอาหลายคนสงสัยถึงสถานะความสัมพันธ์และแฟนๆก็ยังลุ้นว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเกินเพื่อนหรือเปล่า


พอมีโอการได้เจอสาว “ณิชา” ในงานแถลงข่าวเปิดตัว “Amazing Art” (พัทยา) ณ Amazing Art Gallery พัทยา เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ว่า
”ก็ลงรูปตามปกตินะ ไม่ได้มีอะไรค่ะ ไม่ได้เรียกว่าเปิดตัวนะเพราะณิชาลงรูปปกติ เรารู้จักเพราะเคยไปถ่ายแบบเซทเดียวกันซึ่งก็นานพอสมควร เรื่องสถานะยังไม่ขอพูดถึงดีกว่า ก็มีไปทานข้าวกับครอบครัวพี่ติมบ้างค่ะ ถามว่าพี่เขาคือคนพิเศษไหมก็สนิทนะคะ คุยๆ กัน เวลามีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันได้ด้วยความที่พี่เขาโตกว่า อายุห่างกันไม่เยอะนะ ประมาน 3-4 ปี เขาไม่ได้เข้ามาจีบคือเราคุยกันได้เรื่อยๆ มากกว่า”

”เรื่องที่บอกว่านักแสดงใหม่หลายคนไม่กล้าเปิดตัวเพราะกลัวเรตติ้งตกณิชาไม่ได้อยากปกปิดนะคะ มีอะไรยังไงก็บริสุทธิ์ใจที่จะเปิด ณิชารู้จักกับพี่ติมหรือครอบครัวพี่เขาณิชาก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอดค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรเสียหายเราก็เลยไม่ได้กังวลเรื่องเรตติ้งตกหรืออะไร”

”ช่วงที่ถ่ายรูปด้วยกันเป็นช่วงที่พี่ติมกลับมาที่ไทยค่ะ พี่เขากลับมาเพราะปิดเทอมทางนู้นและหยุดปีใหม่ด้วยเลยเจอกันบ่อย จะบอกว่าสวีทไหมก็ไม่ถึงกับสวีทนะ เจอกันปกติ ระยะทางไม่ใช่ปัญหาเพราะโลกเรามีโซเชียลเลยยังคุยกันได้อยู่ค่ะ จุดที่ประทับใจคือเขาคุยเก่ง เขาโตกว่า เขาให้ความปรึกษาเราได้ และเราสามารถคุยกับเขาได้ค่ะ กับพ่อแม่ท่านก็ยินดีที่ณิชารู้จักกับพี่ติม คือมันดีกว่าที่เราปกปิด เวลามีอะไรก็เล่าให้ท่านฟัง อีกอย่างพี่ติมก็ไปเที่ยวกับครอบครัวณิชา บางทีณิชาก็เคยไปทานข้าวกับครอบครัวพี่เขาค่ะ ตอนนี้พี่เขาบินกลับไปแล้วไม่เหงาค่ะ ณิชามีเพื่อนเยอะ(ยิ้ม) กับข่าวนี้พี่เขาก็เห็นข่าวค่ะ แต่ไม่ได้ซีเรียสอะไร เราก็ตอบตามที่เราเป็นอยู่”

”จะบอกว่าเร็วไปไหมที่เปิดตัวเรื่องนี้คือณิชาไม่ได้พูดถึงสถานะนะ แค่เรารู้จักกันและเรียนรู้กันไป เราไม่ได้รีบทำโน้นนี่ เราอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ส่วนจะปิดหัวใจเลยไหมเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ปิดนะ เพราะปกติไม่มีผู้ชายมาจีบอยู่แล้ว(หัวเราะ) หลังจากนี้โดนจับตามองก็ไม่อึดอัดอะไรเพราะเราใช้ชีวิตตามปกติเลยค่ะ”

แฟนคลับบอกเราหน้าเหมือนกันคล้ายเป็นเนื้อคู่?
”เหมือนเหรอคะ ไม่รู้ว่าเหมือนหรือเปล่า”

”หลังจากนี้จะไปเล่าให้พี่เขาฟังไหมก็ไม่แน่ใจเลยค่ะ ต้องดูช่วงนั้นเขาเรียนหนักหรือเปล่า คงเล่านิดหนึ่งแหละเหมือนเล่าให้แม่หรือคนอื่นๆ ฟัง ไม่คิดอะไร เรื่องสถานะขอใช้เวลาอีกนิดหนึ่งดีกว่า ขอเวลาคุยๆ กันไปก่อน ก็เริ่มจะมาคุยกันแบบนี้ได้เกือบปีแล้วค่ะ(ยิ้ม)”

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

แพทตี้ รับสานสัมพันธ์ เจ็ท โบ้ยถามเจ้าตัวเองว่าจีบหรือเปล่า

นักแสดงหน้าใหม่ของวิกหมอชิต แพตตี้-พิมพาภรณ์ เสริมพณิชกิจ ที่เสน่ห์แรงไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ที่ล่าสุดยอมรับว่ากำลังสานสัมพันธ์กับผู้จัดหนุ่มข้ามช่องอย่าง เจ็ท-ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช โดยสาวแพตตี้เผยให้ฟังว่า


“รู้จักกันค่ะ รู้จักกันเพราะว่าไปงานแล้วก็เจอกันค่ะ พี่เขาน่ารัก นิสัยดี เราก็คุยกัน ปรึกษาเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว บ้านพี่เขาก็น่ารัก คุณแม่น่ารัก พี่จ๋าใจดี ถามว่าพี่เขาจีบไหม ไม่เชิงค่ะ แต่ก็คุยกัน ปรึกษาเรื่องส่วนตัว ก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆเพราะเพิ่งรู้จักกันได้สักพักครึ่งปีเองค่ะ ถ้าจะเรียกว่าศึกษาดูใจหนูว่ามันก้ำกึ่งค่ะ อยากให้ผ่านไปเป็นปี 2 ปีก่อนแล้วค่อยพูดว่าเป็นอะไรกัน หนูเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานในวงการ ก็อยากจะโฟกัสเรื่องงาน ตอนนี้เรียนจุฬาฯปี 4 แล้ว เรียนจบก่อนค่อยมามองเรื่องความรัก อยากให้โฟกัสเป็นเรื่องๆ ตอนนี้ก็โอเค แฮปปี้ดีค่ะ”

“ที่ไม่อยากพูดถึงความสัมพันธ์ไม่เกี่ยวว่าอยู่คนละช่อง เพราะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวก็แยกกันอยู่แล้วพี่เจ็ทก็ไม่เคยมาก้าวก่ายเรื่องงานเลย ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ห้ามหรือขัดขวางอะไร ก็ให้คุยกันไปเรื่อยๆเป็นพี่น้องกันไปก่อนเพราะอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง”

อายุห่างกันกี่ปี? 
“ 8-9 ปีค่ะ พี่เจ็ทก็คุยกันเหมือนรุ่นเดียวกับหนูเลย เรื่องอายุไม่ได้ต่างกันเลยค่ะ พี่เขากะจสไตล์ร็อคๆ หนูเป็นคนง่ายๆไม่ได้หวานมากขนาดนั้น ต่างคนต่างเป็นตัวเอง ไม่ต้องปรับอะไรเลยค่ะ”

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

กีฟ เมินคนมองจุ้นเรื่องน้อง ลั่นน้องใครใครก็รัก เผย พอร์ช ยังเงียบไร้วี่แววมาคุย

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กีฟ อรลีฬห์ ออกโรงปกป้องน้องสาว เกรซ โดยการแฉ พอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์ ว่าเจ้าตัวนิสัยไม่ดีจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต จนกลายเป็นประเด็นที่นานพอสมควรแต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะจบยังไง แถมยังมีข่าวลือว่า บูม ปิยพันธ์ ขำกฤษ ก็แอนตี้หนุ่ม พอร์ช ตามสาว กีฟ ไปอีกด้วย


มาตอนนี้เวลาก็ผ่านมาได้พักใหญ่ๆ แล้วไม่รู้ว่าเรื่องราวจบลงด้วยดีหรือยัง พอได้เจอ กีฟ อรลีฬห์ โสตถิวันวงศ์ ในงานฉลองเปิดสาขาที่ 5 ของ “ออเธนทิค คลินิก”  สาขารังสิต พหลโยธิน 74 เจ้าตัวก็บอกว่า

”หลังจากที่พี่ๆ สัมภาษณ์พอร์ชไปก็ไม่เห็นมีการติดต่อกลับมาเลยค่ะ หายเงียบ ไม่ได้มีการติดต่อขอโทษค่ะ ส่วนที่บอกว่ากลุ่มเพื่อนเขาแบนเราถ้าเป็นพี่ๆ ที่เป็นนักแสดงกิ๊ฟว่าไม่ใช่ น่าจะเป็นเพื่อนๆ ที่อยู่นอกวงการมากกว่า มีคนเดียว ที่บอกว่ามีพี่มาเป็นกาวใจให้ก็ไม่มีนะ พี่เขาก็คงรู้แหละว่าเป็นเรื่องของเพื่อน 2 คนทะเลาะกัน ส่วนบูมที่พี่บอกว่าเขาไม่คุยกับพอร์ชหนูว่าเขาก็คุยกันปกตินะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคน 2 คนที่ทะเลาะกันไม่ได้เกี่ยวกับคนรอบตัวที่เขาสนิทกัน หนูว่าทุกคนก็คงหวังแหละว่าอยากให้กลับมาดีกันได้”

”เพื่อนๆ ก็ไม่ได้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายอะไรกันนะคะ เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนเหมือนเดิม คือพอร์ชเขาไม่ได้อยู่แก๊งบ้านหนูนะ แก๊งหนูมีแค่ 10 กว่าคน แต่เขาสนิทกับหนูเพราะเราเล่นละครด้วยกันค่ะ เพื่อนๆ ในแก๊งเขาอาจจะไม่รู้เพราะเขาไม่ค่อยตามข่าว อีกอย่างหนูก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้ด้วย ไม่อยากจะเอาเรื่องที่ทะเลาะกันไปทำให้คนอื่นลำบากใจ ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เรียกคุยอะไร หนูคิดว่าเขาคงเข้าใจแหละค่ะ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคน 2 คน”

”ตอนนี้พอร์ชกับน้องหนูก็ยังคุยกันอยู่นะคะ แต่น้องเขาไม่ได้มาปรึกษาหนูเรื่องนี้ เขาอาจคิดว่าถ้ามาปรึกษาคงโดนเซ็ทใหญ่เขาเลยไปเรียนรู้ของเขาเอง ตอนนี้ 2 คนนั้นอยู่ในสถานะอะไรหนุไม่ทราบหนูรู้แต่เมื่อก่อนเขาสนิทกันและชอบไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่หลังจากสัมภาษณ์เรื่องนี้ไปก็ไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขาทั้ง 2 คนเลย น้องก็ยังคุยปกติแต่จะคุยเรื่องอื่นมากกว่า เขาไม่ได้เอาเรื่องนี้มาคุยค่ะ”

 เราหวงน้องใช่ไหม?
”ขอบคุณที่ถามค่ะ ทุกคนชอบพูดว่ามันเป็นเรื่องของเขา 2 คนเราไปยุ่งทำไม หนูอยากจะพูดว่านี่คือน้องสายเลือดแท้ๆ ของหนูนะ ไม่ใช่เด็กข้างบ้านที่ใครมาทำอะไรก็ปล่อยเขาไป เราเป็นพี่เราก็ต้องเตือนน้อง หนูเตือนในสิ่งที่หนูเตือนได้หนูไม่ได้สั่งห้ามเขาไม่ให้คุยกัน”

”ก็มีแฟนๆ เขามาถามเหมือนกันว่าทำไมหนูถึงพูดแบบนี้ ทำไมเขาให้เขาเสียชื่อ สิ่งแรกที่หนูพูดคือเขานิสัยไม่ดีแต่หนูไม่ได้บอกว่านิสัยไม่ดียังไง จะเสียชื่อได้ยังไงหนูไม่ได้บอกว่าเขาติดการพนันหรือเล่นยา ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาคุยจะพิมพ์แบบ เขาจะคิดต่อเติมไปเองว่าต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เลยทั้งที่ความจริงอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม ทุกวันนี้ก็ยังมีคนคิดว่าทำไมเราเป็นพี่จะต้องไปยุ่งเรื่องของน้อง ต้องบอกว่าถ้าคุณมีพี่หรือน้องสาว หรือพ่อแม่ก็ได้ ถ้ามีคนนิสัยไม่ดีมาทำกับพวกเขาคุณจะยอมไหม หรือเห็นว่าหน้าตาหล่อเลยยอมให้ทำ หนูเชื่อว่าไม่มีใครยอมอยู่แล้ว เราต้องออกมาปกป้องครอบครัว”

”หนูว่าตลอดระยะเวลาการทำอาชีพนักแสดงหนูค่อนข้างมีเพื่อนน้อยเพราะหนูเลือกคนที่หนูคุยและโอเค คุยแล้วรู้สึกดี พอร์ช ก็เป็น 1 ในนั้น คือกับเพื่อนเขาดีมากเลยนะ ทุกคนไม่ได้ดี 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้วแต่อยู่ที่ว่าคนเลือกเอานิสัยไม่ดีตรงนั้นไปใช้ที่ไหน ถ้าคุณจะไปใช้ที่อื่น ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทเราก็ต้องเตือนเขาว่าเรื่องนี้ไม่ดีนะ ฟังหรือไม่ฟังเป็นเรื่องของเขาแต่เราเป็นเพื่อนเราเตือนเพราะหวังดี มันสมควรแล้วเหรอ”

”กับกระแสต่อต้านสำหรับก็สนุกดีค่ะ หนูไม่ค่อยซีเรียสเรื่องพวกนี้ คือแฟนคลับที่เข้ามาสัมผัสหนูจะรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างเทคแคร์นะ ส่วนแฟนคลับที่เขามาปกป้องอีกฝ่ายถ้าจะมาต่อว่าอะไรก็มาสิหนูก็แค่ตอบกลับ เรามีมือพิมพ์เหมือนกัน ซึ่งการต่อว่าของเขาพอหนูพิมพ์ไปสักพักเขาก็ตอบโต้ไม่ได้ พอตอบโต้ไม่ได้สักพักก็มาลบเม้นท์แล้วไปหาข่าวมารุมในอินสตาแกรมตัวเอง คือทำทำไม ไม่ได้อยากให้แท็กมานะ 

ทำไมถึงไม่บล็อกไปเลย? 
คือนิสัยหนูไม่ใช่อย่างนั้นไงพี่ จะมาก็มา หนูเป็นคนที่ไม่ค่อยยอมคน ถ้าหนูไม่ผิดแล้วมาว่าหนูตัวหนูก็ไม่ยอม”

”ถามว่ามีคนเข้ามาว่าเยอะไหมก็ไม่ถึง 10 คนค่ะ เป็นกลุ่มๆ ของเขาแหละ คือมีคนที่เข้าใจนะ เขามองทุกอย่างด้วยความจริง นี่เป็นนักแสดงที่ชอบเพราะชอบผลงานของเขาแต่ไม่ได้รู้จักนิสัยส่วนตัวของเขา เขาจะเขียนประมาณให้กำลังใจทั้งคู่ ยังไงเป็นเพื่อนกันก็กลับมาคุยกันอะไรแบบนี้ แล้วก็จะมีกลุ่มที่เหมือนหลับหูหลับตารักแบบไม่สนใจว่าจะผิดหรือถูก เขาทำผิดก็ยังสนับสนุนให้เขาทำ”

”ตอนนี้ยอมรับว่าใจเย็นลงมาก แต่คงไม่หันไปคุยเพราะหนูโตกว่าเขา เขาควรจะเข้ามาคุยไม่ใช่หนูต้องเข้าไปคุยกับเขา ก็ไม่อยากจะพูดอะไรเพิ่มเติมให้เขารู้สึกว่าหนูจะไปทำร้าย หนูแค่อยากจะบอกว่าเขาทำไม่ดี ถ้ารู้ตัวก็แก้ไขสิ แค่นี้ก็จบแล้ว กับน้องก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเพราะหนูเตือนเขาก็จริงแต่เขามีสิทธิ์ที่จะเลือก มันเป็นชีวิตเขา ส่วนเรื่องของเขาทั้งคู่จะเป้นยังไงอันนี้หนูไม่รู้ ต่อไปเขาอาจจะปรับตัวก็ได้ มันเป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้ก็เห็นเขาไปๆ มาๆ กัน 2 ครั้งแล้วค่ะ ครั้งที่ 3 หนูคงไม่แล้วแต่น้องอาจจะมี 4-5 ก็ได้ เขาอาจจะเห็นด้านดีบางอย่างในรุ่นใกล้ๆ กันซึ่งหนูไม่เห็น หนูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ตอนนี้เขาเป็นแบบไหน ถ้ามันพัฒนาไปเกินกว่าเพื่อนสนิทแล้วเลิกคุยกันไปเพราะมีบางอย่างไม่เข้ากันอันนี้หนูยังพอรับได้แต่ไม่ใช่ทำไม่ดีใส่”

”ถามว่าจะกลับมาคุยกันได้ไหมอันนี้จำได้ว่ามีพี่เคยถามไปแล้วซึ่งทุกคนก็กำลังรอดูอยู่ว่าเขาจะทำอะไรแต่เขาก็ไม่ทำ ตอนนี้มันนานมากแล้วแต่ไม่เห็นเขาทำอะไร หนูว่าถ้าพี่มีเพื่อนที่พี่รักแล้วเขาทำผิด ถ้าเขาจริงใจกับพี่เขาต้องมาขอโทษถูกไหม แต่นี่เงียบหายไปเลย แต่ถ้าเขาจะคุยเราก็ยินดีคุยว่าทำไมเขาทำแบบนั้น ถ้ามีเหตุผลก็คุยนะ หนูไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลที่พอเกลียดแล้วเกลียดเลยไม่คุย”

”กับคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูจัดการกับเรื่องนี้ในระดับหนึ่งก่อน ถ้าดูแล้วมีวี่แววที่จะไปในทิศทางที่ไม่ดีก็น่าจะบอกพ่อ ต้องให้พ่อมาจัดการค่ะ ส่วนแม่เขาหัวโบราณเขาจะรู้สึกว่านักแสดงผู้ชายทุกคนจะเจ้าชู้ไม่จริงใจกับใคร ซึ่งเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นทุกคนแต่แม่เขาอายุเยอะแล้วเขาก็จะคิดว่ามันต้องเป็นทุกคน เขาจะบอกว่าไม่เอาอยู่อย่างเดียว”

วันศุกร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2558

ตุ๊กกี้ กราบขอโทษ ด.ญ.ยอดกตัญญู วัลลี จนใจอ่อนยอมถอนฟ้องร้อง

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ม.ค.58 ที่ผ่านมา นางวัลลี บุญเส็ง อายุ 46 ปี หรือ ด.ญ.วัลลี ณรงค์เวทย์ ด.ญ.ยอดกตัญญู ที่โด่งดังในอดีต ได้เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า ช่วงเช้าวันเดียวกัน ดาราตลกชื่อดัง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน ได้เดินทางมาพบที่บ้านพัก เลขที่ 31 หมู่ 5 ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พร้อมกับได้นำพวงมาลัย มากราบขอโทษเรื่องที่มีการแสดงตลก โดยนำเรื่องครอบครัวของตนเองมาล้อเลียน ทำให้ได้มีการไปแจ้งความฐานหมิ่นประมาทไว้แล้วก่อนหน้านี้


โดย น.ส.สุดารัตน์ บุตรพรม หรือ ตุ๊กกี้ ได้กล่าวขอโทษตนเองและครอบครัว พร้อมกับชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงอยากจะเดินทางมากล่าวขอโทษถึงการกระทำอันไม่เหมาะสมดังกล่าวด้วยตนเอง ซึ่งจากการที่ ตุ๊กกี้ ได้แสดงความจริงใจในจุดนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกสงสาร แต่ก็ได้ตักเตือนไปว่า หลังจากนี้ หากคิดจะแสดงอะไร ก็ควรที่จะคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย ว่าการกระทำใดๆ นั้น ไปกระทบกับความรู้สึกของใครเขาหรือไม่ รวมทั้งควรระมัดระวังไม่ให้ไปพาดพิงใครให้ได้รับความเสียหาย หรือ อับอายอีก ซึ่งดาราสาวก็รับปากว่า จะนำคำเตือนดังกล่าวไปปรับปรุงตัวต่อไป

นางวัลลี บุญเส็ง กล่าวว่าเมื่อ ดาราตลกดัง ได้แสดงความจริงใจในเรื่องดังกล่าวแล้ว ตนเองก็มีความยินดีที่จะขอถอนแจ้งความฐานหมิ่นประมาท ที่ได้ฟ้องร้องต่อ ตุ๊กกี้ และ บริษัทเวิร์คพอยท์ ต้นสังกัดให้ เว้นแต่ คดีความที่ฟ้องร้อง เรื่องการกระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นั้น ตนเองคงต้องขอหารือกับทนายความส่วนตัวก่อน ว่าจะถอนแจ้งความหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

แม่น้อย ไม่หวงถ้า หญิง จะมีแฟน ฟุ้งชีวิตดีขึ้นงานรุม หลังทำจมูก-เปลี่ยนชื่อเสริมดวง

แม่น้อย โพธิ์งาม คุณแม่ของ หญิง รฐา โพธิ์งาม รับไปอัพดั้งเสริมโหงวเฮ้ง เผยตั้งแต่ทำมาดูเหมือนงานจะรุมเยอะพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนเรื่องหญิงจะมีแฟนก็ไม่หวงอะไร 


 พอมีโอกาสได้เจอ แม่น้อย  โพธิ์งาม ที่หน้าตึกทิปโก ถนนพระราม 6 ในงานบวงสรวงละคร “พันล้าน พนันรัก” จึงได้สอบถามว่าเป็นยังไงบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่า

”เรื่องทำจมูกเสริมโหงวเฮ้งอันนี้แล้วแต่จิตใจของแต่ละคน แต่ว่าเราฟังเขาบ้างก็ดี อย่างหญิงเองจมูกเขาสวยอยู่แล้วแต่มีซินแสเขาทักว่าเห็นหญิงกับน้อยลำบากมานานเลยแนะนำให้ลองทำดู ก็เริ่มจากการเปลี่ยนชื่อ ของหญิงก็เปลี่ยนเป็น “รฐา” ส่วนของแม่เปลี่ยนเป็น “ปภาวดี” และอันนี้ที่เชื่อก็แนะนำให้เสริมจมูกเพื่อเปลี่ยนชีวิตซึ่งอันนี้เห็นกับตามากๆ หลังจากทำก็ดีมาก แต่จริงๆ แล้วที่ดีที่สุดคือสิ่งที่น้องหญิงให้มาหมดเลย ใช้หนี้ให้แม่หมดเลย แล้วส่วนของเขาที่เป็นเล็กๆ น้อยๆ ไม่เกินแสนเกินล้านเราก็จัดการให้เพราะเราไม่อยากรังแกลูก หนี้สินตอนนี้ก็หมดแล้วค่ะ ตอนนี้น้องหญิงก็ซื้อบ้านซื้อรถให้แม่แล้ว ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว”

”และขอบอกว่าร้านส้มตำไม่ได้หยุดนะคะ ยังทำอยู่ค่ะ คนอย่างน้อยถ้าไม่ตายไม่หยุดแน่นอน ครอบครัวโพธิ์งามเป็นคนขยันค่ะ ยังไงก็ฝากอุดหนุนด้วยนะคะ อีกไม่นานนี้จะเปิดร้านเหมือนกันแต่เขาบอกอย่าเปิดเลยอยากให้ได้กินกันทั่วๆ เพราะน้อยเปิดบูธขายทุกที่ งานในวงการก็มีเข้ามา ก็ขอบคุณทุกช่องเลยนะคะ รับหมดทุกเรื่อง ค่าตัวไม่เกี่ยงค่ะ ทั้งตัวเราและน้องหญิงเองก็ด้วย จะเป็นเพราะด้วยแรงน้องหญิงอธิษฐานด้วยมั้งว่าอยากให้แม่สบาย คือเรามีคติจำใจเลยว่าถ้าเราไม่ลืมตัวไม่ลืมตน มองเห็นตัวตนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”

”ส่วนเรื่องที่ถามว่าให้หญิงมีแฟนได้หรือยังบอกเลยว่าแม่น้อยอยากจะมีลูกเขยมากตัวสั่นเลย ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว แต่ยังไม่เห็นเลย แต่ถ้าญิ๋งมีวาสนาดีก็ขอให้เขาเจอคนที่ดีก็พอแล้ว ทุกคนรู้ว่าแม่หวงมาก ในวันที่แต่งงานก็คงจะร้องไห้มากๆ เลย เพราะว่ารักมาก และจะบอกว่าไม่ต้องมาอยู่กับฉัน ให้ไปอยู่กับสามี แยกกันอยู่เลย ถ้ามีลูกเมื่อไรค่อยมาอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ยังไม่มีหนุ่มคนไหนเลย ก็อยากให้เขามีคนมากุ๊กกิ๊กบ้าง ทุกวันนี้ยังใหัแม่นอนเกาหลังตลอดเลย ก็บอกให้หาคนเกาหลังได้แล้ว ก็บอกว่าเบื่อแล้ว เขาก็บอกว่าอายุ 35 ค่อยว่ากัน”

”ตอนนี้เขาก็ทำงาน เรื่องเงินเขาจะไม่ให้แม่เจ็บแม่ปวดเลย วันไหนไปขายส้มตำกลับมาไม่เจอก็จะต้องตามหาตลอด และอีกอย่างสิ่งที่หญิงเสมอต้นเสมอปลายคือก่อนออกจากบ้านและกลับบ้านก็จะกราบแม่ตลอดเลย เขาบอกจงภูมิใจที่มีลูกคนนี้แล้วเลิกร้องไห้แล้ว” 

มีคนเข้ามาจีบเราบ้างไหม? 
”ตัวคุณแม่ไม่มีคนมาตามดูแลนะ ไม่มีหนุ่มฝรั่งที่ไหนมาจีบเลย ขอมีแค่ผัวเดียวคนเดียวพอแล้ว อยากให้มีคนดูแลน้อง แต่กับแม่ไม่ต้องเลย อยู่คนเดียวได้ค่ะ”

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ชมพู่ เผยสุดปลื้ม น็อต คุกเข่าขอแต่งงาน เร่งหาฤกษ์แต่งปีนี้

หลังจากที่เมื่อตอนสิ้นปี น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ มีเซอร์ไพรซ์คู่รัก ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ด้วยการคุกเข่าขอแต่งงานแบบหวานซึ้ง ทำเอาสาวชมพู่ซึ้งสุดๆ 



พอมีโอกาสได้เจอ “ชมพู่” ในงานกิจกรรม “Swap Campaign” ณ เซ็นทรัลคอร์ท ชั้น1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวก็เลยเปิดใจถึงความรู้สึกในตอนนั้นให้ฟังว่า

”วันนั้นก็ดีใจสิคะ รอมาตั้งนาน(หัวเราะ) แต่เอาจริงๆ เลยนะว่าเหมือนมีลางสังหรณ์เลย ผู้หญิงจะมีเซ้นส์เรื่องพวกนี้มากๆ แต่สุดท้ายก็ตายใจคิดว่าคงไม่ใช่วันนี้ละมั้งเลยชิลๆ แต่พอเกิดขึ้นมันก็เกินความคาดหมายนิดหนึ่ง ความรู้สึกแรกดีใจมันก็ดีใจแหละแต่ตอนที่เขาขอมันเหมือนกับว่าเราได้รู้จริงๆ ว่าเขารู้สึกยังไงกับเรามากกว่า เพราะว่าที่ผ่านมาตัวคุณน็อตเขาไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความรู้สึกด้านนี้ ดังนั้นพอชมได้เห็นเขาทำปุ๊ปชมก็เลยรู้สึกได้เลยว่าจริงๆ แล้วเขารู้สึกยังไงกับเรา 

น็อตเขาพูดว่ายังไง เอาประโยคนั้นเลยนะ?
“เบื่อเป็นแฟนพี่แล้วหรือยัง”(หัวเราะ) ส่วนชมก็ไม่ได้พูดอะไรเลยค่ะ เพราะวินาทีนั้นเหมือนเราอึ้งมาก เหมือนมันงงเพราะมันหลายๆ ความรู้สึกมากเลยนะ บอกไม่ถูก ต้องโดนเอง”

”ที่บอกบรรยากาศดูหรูหราชมมองว่ามันอบอุ่นมากกว่านะเพราะว่าวันนั้นเราก็มีทั้งคนในครอบครัวและก็เพื่อนสนิท เป็นบรรยากาศน่ารักไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่าอะไรหรอกค่ะ คุณแม่ก็ชิลๆ วันนั้นคุณน็อตก็ชวนคุณแม่ไป คุณแม่ก็บอกให้ไปขอกันเอง(หัวเราะ) กับพ่อแม่ฝั่งพี่น็อตก็เหมือนเขาคุยๆ กันเป็นกิจจะลักษณะเฉยๆ ไม่ได้คุยแบบทางการ ชมว่าผู้ใหญ่เขาก็คงคุยกันเองอยู่แล้วแหละค่ะ เพราะเหมือนผู้ใหญ่ของเราทั้ง 2 ฝ่ายก็ค่อยๆ ทำความรู้จักกันมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราไม่ใช่คู่ที่พ่อแม่ไม่รู้จักกันแล้วต้องมานัดคุยอะไรแบบนี้ ชมคิดว่าเขาก็คงคุยกันมาเรื่อยๆ อยู่แล้วแหละ”

”ฤกษ์แต่งงานตอนนี้กำลังดูๆ กันอยู่ค่ะ พูดเลยว่าหลายสำนักมาก(หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นไปได้นะชมอยากให้ทุกอย่างลงตัวทั้งหมดภายในปีนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้เริ่มคิดเริ่มอะไรเลยค่ะ เพราะชมอยากให้ฤกษ์ก่อน จุดที่สำคัญสำหรับงานนี้เลยก็คือฤกษ์เพราะถ้าไม่ได้ฤกษ์เราก็ยังทำอะไรมากไม่ได้ คือถ้ามันยังไม่ได้วันเราก็ยังจองสถานที่จองอะไรไม่ได้เนอะ ส่วนเรื่องจองช่างแต่งหน้าทำผมช่วง มี.ค. ชมจองช่างหน้าช่างผมตลอดค่ะ เพราะการทำงานมันก็ต้องจองช่างอยู่แล้วเนอะ สถานที่จัดชมคงไม่เอาไกลมากหรอกค่ะ อาจจะในกรุงเทพฯนี่แหละ”

”ธีมงานชมยังไม่ได้คิดนะ แต่ว่าส่วนตัวแล้วชมอยากให้งานมันสะดวกกับทุกๆ คน อยากให้คนที่เรารักมาได้แบบสบายใจไม่ต้องรู้สึกลำบากในการเดินทางมาร่วมงาน ชุดแต่งงานก็คงไม่ถึงกับเป็นสัตว์ประหลาดหรอก แต่ก็ต้องสวยใช่ไหมละ(หัวเราะ) ยังไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบรนด์ไหน แต่อย่างที่บอกว่าถ้าเราได้ฤกษ์วันแล้วมันจะวางแผนได้ง่ายกว่านี้ ถ้ามีฤกษ์ให้ 2 วันก็อาจจะจัดแบบแยกแต่ปัจจัยบางอย่างมันคงไม่ได้ ถามว่าจะเป็นงานแต่งระดับงานช้างแห่งปีไหมชมไม่ได้มองอย่างนั้นและก็พยายามจะไม่กดดันด้วย(หัวเราะ) แต่หลักๆ ที่ชมตั้งใจก็คืออยากให้คนที่รักเราและพร้อมที่จะดีใจกับเรามาร่วมงานเราได้เพราะว่าคอนเซ็ปต์มันก็มีแค่นี้แหละ ส่วนที่บอกว่าฤกษ์อาจจะเป็น เม.ย.-พ.ค. เพราะขอเลื่อนกองละครก็ไม่หรอกค่ะ ยังไม่เคาะและก็ยังไม่ได้ขอเลื่อนเปิดกล้องอะไรด้วย จริงๆ ก็มีเรื่องหนึ่งที่คุยไว้แล้วมันเลื่อนมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ได้เกี่ยวกับงานแต่งเลยค่ะ”

”ยอมรับว่ากดดันที่หลายๆ คนคาดหวังแต่เราก็พยายามไม่เครียด เราพยายามทำตามโจทย์ที่เราตั้งไว้ว่าเอาเพื่อนๆ สะดวกและเราแฮปปี้ เราไม่อยากกดดันมากเดี๋ยวเครียด”

 เขาว่าเราเป็นเจ้าสาว 100 ล้าน? 
"อย่างนั้นเลยเหรอคะ สาธุ(ยิ้ม)"

ที่มา สยามดารา

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

บอย-ปกรณ์ ปัดปั่นกระแสไอจี วันใหม่ โดนปิด ยันซื้อรถหรูไม่เกี่ยวข้องแก๊งโกงเงิน

พระเอกหนุ่มชื่อดัง บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ โดนข่าวฉาวรุมตั้งแต่ต้นปีเลย ที่ก่อนหน้าโดนเชิญสอบสวนกรณีซื้อรถหรูต่อจากผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งโกงเงินสจล. ตามด้วยเหตุดราม่าไอจี “วันใหม่” ถูกปิด 


ล่าสุดได้มาเจอหนุ่มบอย ที่มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนต์ Digital Sound Check ณ โรงภาพยนตร์เอสพลานาด รัชดาภิเษก เจ้าตัวก็ได้เปิดใจชี้แจงกรณีรถหรูที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดให้ฟังว่า

“เรื่องรถ ผมได้ส่งเอกสารเข้าไปที่ปปง.แล้ว รอให้ได้รับการยืนยันว่าเอกสารครบถ้วนก่อน ถ้าขาดเหลืออะไรก็จะส่งเข้าไปเพิ่ม จากนั้นก็จะเดินทางเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ครับ ในเรื่องที่เกี่ยวกับแก๊งนั้นเรามั่นใจอยู่แล้วว่าเราไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนรถโดนอายัดชั่วคราวแต่ว่ารถยังอยู่ที่ผมนะ วันที่ผมเดินทางไปปปง.ก็ต้องดูก่อนว่าต้องเอารถไปหรือเปล่า กับทางผู้ขายรถให้ก็ไม่ได้ติดต่อเลยครับ อย่างที่ผมให้ข่าวก่อนหน้านี้คือผมรู้จักกับคนขายเพราะการติดต่อซื้อรถเท่านั้น ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ส่วนคลิปที่ผมอวยพรวันเกิดเขา ก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้ครับ วันที่ผมเอาช่างไปดูรถที่บ้าน เป็นธรรมดาเขาก็ขอถ่ายรูปบ้าง ขอให้เราอวยพรคลิปวันเกิดบ้าง ซึ่งเป็นปกติเวลาไปไหนมาไหนคนก็จะมาให้อวยพรอยู่แล้ว”

“ก่อนหน้านี้ที่เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ครั้ง ผมคิดว่าเราต้องเข้าไปยืนยันด้วยตัวเอง แต่พอเรื่องมาถึงปปง. ผมคิดว่าเราอาจจะไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายมากนัก ก็เลยมีปรึกษาทางทนาย เขาก็บอกให้เรารวบรวมหลักฐานเท่าที่จำเป็น ทางทนายก็ดำเนินการส่งไปที่ปปง.ให้ก่อน ถามว่างกังวลไหมที่รถจะโดนยึด มันก็ต้องมีบ้างอยู่แล้วแต่เราก็เชื่อมั่นใจความบริสุทธิ์ใจและถูกต้องของตัวเราเองว่าเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนและกฎหมาย ตัวเราเองก็มั่นใจว่าไม่ได้รู้จักกับแก๊งนั้นหรือเกี่ยวข้องอะไรเป็นการส่วนตัวแน่นอน”

เครียดไหมเพราะช่วงนี้มีหลายเรื่องรุมเร้า? 
“ก็มีบ้างครับ ด้วยความที่เป็นช่วงต้นปีที่มีเรื่องเข้ามา พอดีว่าช่วงมกราคมผมงานเยอะมากด้วย หลายอย่างประดังเข้ามา อาจจะด้วยพลังชงจากปีที่แล้วยังแรงอยู่ คุณแม่ก็มีทำบุญถวายสังฆทาน ถ้าเป็นไปได้ก็คงต้องไปทำเองด้วย”

เรื่องดังกล่าวกระทบกับงานหรือไม่ ?
“เท่าที่ดูยังไม่มีนะครับ ไม่ว่าใครก็ตามผมว่าไม่มีใครอยากเข้าไปเกี่ยวข้องหรือว่ามีส่วนมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งนี้อยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเร็วที่สุด ต่อไปก็ต้องระวังมากขึ้น แต่ต้องชี้แจงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผมก็ได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ได้ทำการเช็กทุกอย่าง นำเข้า เสียภาษีถูกต้องไหม ส่วนเรื่องที่มาที่ไปของเจ้าของรถเก่าก็ไม่รู้จะสืบยังไงจริงๆ ก็อาจจะเหนือการควบคุมนิดนึงครับ แต่ล่าสุดเลขาฯปปง.ท่านได้ออกมาแถลงว่า ถ้าผมยืนยันที่มาที่ไปของเงินที่ใช้ซื้อรถว่าไม่ได้มีความเกี่ยวจ้องแก๊งนี้ ก็จะทำการเสนอคณะกรรมถอนอายัดให้ เรื่องนี้ก็ต้องไปชี้แจงอีกทีนึงครับ ความจริงไม่อยากจะคิดว่าจะโดนยึดรถ มันก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง บอกเลยผมก็สบายใจไปเปราะนึงว่าได้แสดงให้สังคมได้รู้ว่าเราไม่เกี่ยวจริงๆนะ”

แล้วที่อินสตาแกรม “น้องวันใหม่” ถูกปิดเพราะอายุไม่ถึง 13 ปี เป็นไงบ้าง?
“ก็เป็นไปตามกฎของไอจี เด็กที่อายุไม่ถึง 13 และไม่ได้เล่นเองก็ต้องโดนปิด ก็ย้ายไปดูไอจีของแม่ได้ครับ เราเข้าใจทุกคนรักวันใหม่ ก็เลยอธิบายให้แฟนๆเข้าใจว่ากฎก็ต้องเป็นกฎ ถึงแม้ไอจีจะปิดแล้วก็ไม่เป็นไร มาดูที่ไอจีแม่ ผม หน่อง ภัทรก็ได้ เรื่องแฮชแท็กคำว่า support วันใหม่ ผมไม่รู้เรื่องว่าอะไรเกิดขึ้นยังไง ณ เวลาที่ผมได้ตั้งแฮชแท็ก ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นกระแส จะให้สาบานก็ได้ เราแค่จะตั้งให้กำลังใจว่า support เขานะ ไม่ได้คิดว่าจะเป็นการปลุกระดมหรือเป็นกระแสขึ้นมา จริงๆผมตั้งแฮชแท็กตั้งแต่เมือวานซืน พอมาเมื่อวานก็เริ่มมีกระแสก็เลยรีบเอาออก ไม่อยากให้เรื่องบานปลาย มีหลายกระแสมากว่าเราไม่ยอมรับกฎ ถ้าตามดูที่แม่ลงว่าตอนนี้ไอจีน้องถูกปิดแล้วนะ ด้วยเหตุผลอะไร ถ้าใครอยากดูไปตามดูได้ที่อันนี้นะ เราไม่ได้ไม่ยอม กฎก็เป็นกฎ”

อยากฝากเตือนอะไรแฟนคลับบ้างไหม ?
“ก็อย่างที่ผมได้ลงรูปไปในอินสตาแกรม เราต้องเคารพกฎ รูปของวันใหม่ที่อยู่ในไอจีอันเก่าเราเซฟไว้แล้วเดี๋ยวเอามาลงใหม่ให้ดูได้”

มีคนเม้าท์ว่า “บอย” ใช้กระแสไอจีกลบข่าวเรื่องรถ? 
“พี่คิดว่ามันดีเหรอครับ การที่ผมมีเรื่องอยู่แล้ว และยังไปเอาอีกเรื่องเข้ามาอีกผมว่าไม่คุ้มหรอกครับ ยืนยันว่าไม่ได้เอามากลบกระแส เรื่องที่เข้ามาทั้ง 2 เรื่อง มันเป็นเรื่องที่เข้ามาทำให้เราเหนื่อย แต่ไม่ท้อ เราก็ต้องสู้กันต่อไป”

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

จุ๋ย ยอมรับขอลดสถานะ หนาม ปัด ดีเจพุฒ เป็นมือที่สาม

นักแสดงสาวมากฝีมือ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ตกเป็นข่าวช็อกต้อนรับปีใหม่ เมื่อออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือกว่าลดสถานะแฟนหนุ่มไฮโซ หนาม รวิ ธนดล อิทธิระวิวงศ์ มาตั้งแต่ปลายแล้ว สาเหตุจากไลฟ์สไตล์และทัศนคติต่างกัน ยืนยันฝ่ายชายเป็นคนดี แต่ความรักและความดีไม่ใช่ทั้งหมดในการคบหากัน 


ล่าสุดได้เจอ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ที่โรงแรมเซนทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ที่ได้มาร่วมงานแถลงข่าว “ปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘” โดยเจ้าตัวเผยเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังว่า
“ปีใหม่ไปเคาน์ดาวน์ที่เกาหลีมาค่ะ ไปกับพี่ผู้จัดการส่วนตัว จริงๆ ก็ไปบ่อยอยู่แล้ว ไปเกือบทุกฤดูกาลเลย พี่หนามบวชค่ะ แต่ตอนนี้สึกแล้ว อันนี้เป็นแบบเคร่ง บวชที่วัดป่า ซึ่งจุ๋ยก็ติดธุระไปไม่ได้ รวมถึงถ่ายละครด้วย แล้วปลายปีก็มีไปเที่ยวด้วยค่ะ ถามว่าห่างไหม ก็ห่างกันค่ะ สักพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เราห่างกันด้วยดีนะ เราห่างกันด้วยความเข้าใจ เรายังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ยังคุยกันอยู่ เมื่อวานเขาสึกมาจุ๋ยก็มีโอกาสโทรคุยกับพี่หนาม ซึ่งดีใจที่พี่หนามเขาได้ไปเรียนรู้ธรรมมะ ศึกษาธรรมะ เขามีความคิดที่ดีมากๆค่ะ”

“ที่เราห่างกันเราก็ได้ไปทบทวน ได้ใช้เวลาทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ แต่อนาคตมันเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน อันนี้ต้องบอกว่าเราถอยออกมาด้วยความเข้าใจและยังเป็นคนที่คุยกันได้เสมอ ยังเจอกันได้ กินข้าวกันได้ อนาคตไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้เหมือนห่างมาเพื่อเรียนรู้ตัวเอง ได้ทำความเข้าใจกับตัวเอง ซึ่งพี่หนามเองก็เข้าใจค่ะ”

“ให้โอกาสตัวเองเสมอในทุกๆ วินาทีที่จะได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมหรือเปล่า ถ้าไม่เหมือนเดิมเราก็ไม่ห่วงว่าอนาคตจะเป็นยังไง คือเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุ มันมีหลายสาเหตุเป็นเรื่องของคนสองคนซึ่งพี่หนามกับจุ๋ยจะรู้ดีที่สุดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันบ้าง ในส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นเรื่องของเวลาและไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่บางทีอาจจะจูนกันไม่สนิทมาก เพราะเนื่องจากว่างานเยอะกันทั้งคู่ พี่หนามเป็นคนที่ถ้าได้ทำงานก็พันเปอร์เซ็นต์ และเขาเป็นคนเก่งมากๆ ซึ่งเราลองปรับกันมาสักพักแล้ว มันรู้สึกว่ายังไม่ใช่”

“เรื่องมือที่สามไม่มีแน่นอน อันนี้เป็นความเข้าใจได้ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ยังคุยกันได้เหมือนเดิม ไม่ได้ห่างกันไปแบบแตกหัก ไม่คุยกันหรือว่าโกรธกันเพราะฉะนั้นไม่มีเรื่องของบุคคลที่สามแน่นอนค่ะ”

“ถามว่าเสียใจไหม มันเป็นความรู้สึกโหวงๆ มากกว่า แต่ดีใจและปลื้มใจ จุ๋ยร้องไห้เยอะมากที่เห็นพี่หนามในผ้าเหลืองมากกว่าคือมีคนส่งรูปมาให้ มันเป็นวัดที่ต่างจังหวัด เป็นวัดป่าเคร่งๆ ห้ามใช้มือถือ รู้สึกปลื้มใจ เขามีแนวคิดดีๆ และรักเมืองไทยมากขึ้น เนื่องจากว่าพี่หนามเขาไปอยู่ต่างประเทศมานานมาก เขาได้ไปบวชและได้ซึมซับอะไรในความเป็นไทย และเขาอินกับความเป็นไทย เมื่อวานเขามาพูดแล้วให้ฟังแล้วจุ๋ยก็รู้สึกดีใจ”

“ถามว่าเหงาไหม คืองานเยอะจนไม่เหงา แต่มันไม่ได้มีส่วนเติมเต็มในเรื่องของความรักหนุ่มสาว แต่จะเป็นเรื่องงานมากกว่า ตอนนี้เรียกว่าห่างกันค่ะ อนาคตจุ๋ยไม่แน่ใจเลยว่าชีวิตจะเป็นยังไง ก็คุยกับพี่หนามแล้วว่าไม่ห่วงอนาคต จะเป็นยังไงก็ปล่อยให้มันเป็นไป ตอนนี้เรามีความสุข เราโชคดีที่ได้เจอกัน เราเจอกันแล้วมีแต่เรื่องดีๆ ห่างกันก็ไม่ได้ใช้คำว่าแฟนหรือคบศึกษากันจริงจังเหมือนเดิมแล้ว แต่จุ๋ยตอบไม่ได้จริงๆ ในเรื่องของอนาคต ถ้าเราสามารถแก้ไขในสิ่งที่เราขาดตกบกพร่องระหว่างที่เราคบกันไปได้ก็อาจจะ มีแนวโน้ม”

“พี่หนามเป็นคนดีมากๆ เลยนะ แต่ว่าความรักและความดีมันไม่ ใช่ทั้งหมดในการคบกัน มันต้องมีเรื่องราวอื่นๆ มาเติมเต็มด้วย ดังนั้นถ้าระยะเวลาที่เราถอยออกมา และหาจุดให้กันได้มันก็อาจจะมีโอกาส แต่ถ้าไม่ได้ก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เพราะพี่หนามเป็นบุคคลที่เข้ามาในชีวิตจุ๋ยแล้วมีค่าและเป็นคนดีค่ะ”

ห่างกันมากี่เดือนแล้ว?
“ก็ห่างกันตั้งแต่ปลายปี แรกๆ พี่หนามก็มีลองพูดลองคุย ลองทำในสิ่งที่มันขาดหายไป แต่ว่าพอได้ไปบวชก็ได้เข้าใจในชีวิตมากขึ้น คือก่อนหน้านี้จุ๋ยจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตค่อนข้างที่จะเอาหลักธรรมะมาใช้ เราก็บอกพี่หนาม แต่พอเขาไปบวชเขาก็เข้าใจในชีวิตมากขึ้น ซึ่งมันก็ดีค่ะ”

“เรื่องที่เราห่างกันไม่ได้มาจากพุฒเลย ไม่เกี่ยวมือที่สาม คนที่บอกขอห่างกันก็เป็นจุ๋ยเอง แต่ว่าพี่หนามเขาก็เริ่มรู้สึกเหมือนกัน เป็นจุ๋ยเองที่เริ่มพูดและเริ่มมาคุยกัน ขอยังไม่ใช้คำว่าเลิก ก็เอาเป็นว่าห่างกันมาสักพักแล้วค่ะ(หัวเราะ) อนาคตไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ”

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ชื่นชม โน้ส อุดม รับน้องพรีม เด็กกำพร้าจากสามจังหวัดชายแดนใต้ เป็นลูกบุญธรรม

ประธานเครือข่ายรักดี(องค์การสาธารณะประโยชน์) นายเตชะ ทับทอง ได้โพสต์ภาพ โน้ส อุดม คุณพ่อกำลังขับรถไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 มค. ที่ผ่านมา ซึ่งในภาพมีนักทอร์คโชว์ชื่อดังของไทย โน้ส-อุดม แต้พานิช กับ น้องพรีม เด็กกำพร้าจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอุปการะ 



โดย นายเตชะ เปิดเผยว่า โน้ส อุดม ใจดีรับอุปการะส่งเสียเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงพื้นที่ภาคใต้เกือบ 20 คน ซึ่งเมื่อ 2  ปีก่อน เขาและลูกน้องบริษัทพอดีพานิชได้ลงพื้นที่ไปยัง บ้านลูกเหรียง หรือ สมาคมเด็กและเยาวชนเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ พร้อมทั้งทำกิจกรรมต่างๆให้กับเด็กๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดทริปการเที่ยวไปตามจังหวัดต่างๆ


ล่าสุด โน้ส อุดม ตัดสินใจรับอุปการะ น้องพรีม ไว้ในการดูแลแบบจริงจัง โดยพามาอยู่ด้วยที่จังหวัดเชียงใหม่ และส่งเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติเลยทีเดียว




ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์, www.bugaboo.net


วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

พลอย เฌอมาลย์ โพสต์ภาพร้องไห้ตาแดงก่ำขึ้นบนอินสตาแกรม

หลังจากที่ พลอย เฌอมาลย์ ได้โพสต์ภาพตัวเองร้องไห้ตาแดงก่ำขึ้นบนอินสตาแกรม จนกลายเป็นประเด็นมาพักใหญ่ ทำเอาแฟนๆ ต่างก็เข้ามาให้กำลังใจพร้อมกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น 



ล่าสุด ”พลอย” ได้โพสต์อินสตาแกรมอีกครั้งเป็นการตัดพ้อถึงปัญหาที่ต้องประสบมาตั้งแต่เข้าวงการในวัย 11 ปีมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีใจความทั้งหมดดังนี้
“เข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ วันนี้ 32 แล้ว ผ่านปัญหาอะไรมามากมาย บอกตัวเองมาตลอดต้องแข็งแรงและแกร่ง และต้องผ่านบททดสอบ 90000 ข้อไปให้ได้ แต่เราก็เป็นแค่ คน เรามีน้ำตาได้ ไม่เคยทะนงตัว ว่าเราเก่ง ไม่เคยคิดว่าอาชีพที่รักและเคารพ จะนำพาเรามาอยู่ตรงนี้ได้ และก็ทราบดี

ทุกอย่างมันมีวัฏจักรของมันเอง เสียใจทุกครั้งที่ Google ชื่อของเราเอง แล้วต้องเจอ คำลงท้ายว่าอย่างไรบ้าง……. ความจริง บางคนคงลืมไปแล้วว่าคืออะไร…. เคยสนใจกันจริงๆบ้างไหม…….. ชีวิตเราทำบุญไม่ขึ้นจริงๆ แค่อยากจะร้องไห้กับมัน แต่เราก้อจะทำดีต่อไป ต่อให้ไม่มีใครเห็นหรืออยากจะสนใจเราก็จะทำมันต่อไป

อยากให้เพื่อนๆรู้ น้ำตาของเราในชีวิตจริงมันมีอยู่จริง ไม่ใช่มาจากการแสดง ขอบคุณมากนะ กำลังใจ…. วันนี้จะยืนต่อ และขอเชิญฝากร้านกันตามสบาย ฝากให้ครบทุกรูปเลย ไม่ประชดนะวันนี้เค้าอนุญาต ฝากให้ครบ 2.3 ล้านเลย”

ที่มา : รักดารา

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

โดม-ปกรณ์ ยิ้มหมอดูทัก เมทัล มีดวงเกื้อหนุน แต่ยังไร้แพลนข่าวดี

โดม ขำโดนแซวภาพเล่นว่าวกับ เมทัล โดนมอง 2 แง่ 2 ง่าม ยิ้มหมอดูทักดวงชีวิตรัก เมทัล ดีกื้อหนุนกัน ยังไร้แพลนข่าวดี แจงมีธุรกิจและงานต้องลุยก่อน เผยปีใหม่ที่ผ่านมาควงกันสวดมนต์ข้ามปี ไม่มีของขวัญ บอกติดกล้องวงจรปิดเพิ่มหลังโดนแฟนคลับโรคจิตบุกบ้าน


เรื่องราวดีๆ ก็ทำเอาหนุ่มหล่อขั้นเทพ ถึงกับยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว เป็นการที่หมอดูทำนายทายทักว่าหนุ่มโดม ปกรณ์ ลัมและแฟนสาวคนสวย เมทัล สุขขาว นั้น เป็นดวงที่ดี ช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน แถมงานนี้แววว่าพ่อฝ่ายหญิงก็ปลื้มว่าที่ลูกเขยไม่น้อยอยู่นะ จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้หรือเปล่า ก็ต้องรอลุ้นกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 58 ที่ผ่านมา ได้เจอหนุ่มโดมขณะมาร่วมงานเปิดตัว ''see beyond oppo'' ที่สยามพารากอน โดยนักร้องหนุ่มยิ้มก่อนตอบว่า

''ผมยังไม่ได้เช็กดวงเลย ด้วยความที่เราเกิดปีแพะ เป็นปีที่ดี น้องราศีเดียวกัน ปีเดียวกันด้วย ราศีสิงห์ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พยายามคิดว่ามันขึ้นอยู่กับตัวเรา ผมว่าจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น ปีหน้าจะมีผลงานละคร งานเพลง ก็จะมีโปรดักส์เป็นของตัวเอง ผมทำคนเดียวครับ ยังบอกไม่ได้ครับ''

ถ้าคุณพ่อเมทัลไฟเขียวมากขึ้น จะมีข่าวดีไหม? 
''น้องยังเด็ก มันเป็นเรื่องใหญ่ ผมอยากแต่งงานครั้งเดียว พ่อให้เกียรติเราประทับใจมาก พ่อก็มีฝากฝัง ให้ไปส่งน้องที่บ้านด้วย เค้าเป็นห่วงน้องร่วมเดินทางมากครับ"

แล้วปีใหม่ที่ผ่านมา ควงกันฉลองไหนบ้าง?
''ปีใหม่เราก็ไปสวดมนต์ข้ามปีกันครับ ไม่มีของขวัญอะไรให้กันครับ ส่วนเรื่องแฟนคลับรุ่นป้าไปตามที่บ้าน เค้าหายตัวไปเลย เราก็ระวังตัวอยู่ผมก็เสียวเหมือนกัน พี่เขาก็ไม่ได้มาหาผมเลย ติดกล้องวงจรปิดไปแล้ว บ้านผมค่อนข้างเปลี่ยว ติดเพิ่มรอบบ้าน แม่ไม่ได้คิดติดใจอะไรแล้ว ค่อยบอกให้ผมระวังกลับดึกทำงานดึก ติด 10 กว่าตัว ยังไม่มีเจออะไรเลยครับ''

เสริมข้อซักถามอีกทันทีถึงภาพที่ลงอินสตาแกรมไปเล่นว่าวกับแฟนสาว ซึ่งหนุ่มโดมก็แจงว่า
''จริงๆ กีฬาเล่นว่าว ทุกคนต้องขำๆ การละเล่นไทยมันดี ผมไปซื้อว่าวงู น้องเมทัลส่งว่าวให้ผมเป็นคนชัก ก็ต้องเรียกแบบนั้น เออสนุกว่าวขึ้น เนี่ยทุกคนคิดกันเอง แฟนคลับเฮฮาสนุกสนานตามเรื่องกันไป ไม่ซีเรียส เราผ่อนคลายสนุกสนานครับ ชอบครับ''

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

บอย ปกรณ์ ดอดนำหลักฐานยืนยันการซื้อแลมโบกินี่ เข้าพบตำรวจกองปราบฯ

พระเอกหนุ่ม บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เข้าพบรองผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อนำหลักฐานยืนยันการซื้อรถแลมโบกินี่ กับอดีตอธิการ สจล. เตรียมให้ข้อมูลการเบิกจ่ายเงินวันนี้ 


โดยรองผู้บังคับการกองปราบปราม พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง ได้เปิดเผยว่า นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือ บอย ปกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดังได้เดินทางเข้าพบเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เพื่อเข้าให้ปากคำและแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมนำเอกสารสมุดรายการบัญชีฯ ย้อนหลัง 3 เดือน ที่ถอนมาซื้อรถ จำนวน 13.5 ล้านบาท จาก นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาร่วมยักยอกเงินจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล.


ทั้งนี้ พ.ต.อ.กรไชย ระบุว่า บอย ปกรณ์ ได้นำหลักฐานการซื้อรถยนต์มาแสดงกับเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้อง และมีพยานบุคคลยืนยันเกี่ยวกับการซื้อขาย สอดคล้องกับคำให้การของพระเอกชื่อดัง ที่ระบุว่าไม่ได้รู้จักนายกิตติศักดิ์เป็นการส่วนตัว แต่มีการซื้อขายรถยนต์ ผ่านบุคคลที่อยู่ในวงการรถซูเปอร์คาร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ติดใจสงสัยและไม่ต้องเชิญตัว บอย ปกรณ์ มาให้ข้อมูลอีก เพราะไม่ใช่ตัวละครหลักในเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน วันนี้ นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. และคณะกรรมการผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินของ สจล. ทั้งชุดเก่าและชุดปัจจุบัน จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปราม วันนี้ เวลา 10.00 น. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงความชัดเจนในการเบิกจ่ายเงินของ สจล. ในแต่ละครั้ง

ที่มา : www.innnews.co.th