วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

มือปล่อยภาพแชทไลน์แก๊งชายเม้าท์ เอ๋-เจนี่ โพสต์ไอจีขอผิด

ปิดฉากลงแบบไม่สวย สำหรับมหากาพย์มาดามปากน้ำ “เจนี่”เทียนโพธิ์สุวรรณ์ กับอดีตสามีเจ้าพ่อ “เอ๋”ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม  ที่มีมือดีปล่อยแชทไลน์กลุ่ม ที่มีหนุ่ม “อาร์ท” ศรา จุฑารัตนกุล สามี“อ้อม”พิยดา และ“ภูริ” หิรัญพฤกษ์ รวมเม้าท์พาดพิง”คู่รัก คู่ร้าง” อย่างมันปาก จนอยู่ไม่เป็นสุข ต้องออกมาขอโทษผ่านสื่อฯ ด้าน”ภูริ”ก็ต้องดอดเคลียร์”เจนี่”ด้วยความสำนึกผิดอย่างแรงเช่นกัน ขณะที่ทางด้าน อาร์ท เผยกับสื่อว่าตนรู้ตัวมือปล่อยไลน์นี้แล้ว แต่ไม่ได้ติดใจถือโทษ


แต่ แม้”อาร์ท”ไม่ถือโกรธเคืองแต่มือปล่อยไลน์ผู้ชายเม้าท์แร๊งส์!! ก็ได้แสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมายอมรับผิดและขอโทษทุกฝ่าย และผู้ชายชื่อ”เชาว์” ก็โพสต์ขอความสำนึกผิดจากใจว่า

@@@@สิ่งที่เกิดขึ้น..ผมขอรับผิดเพียงคนเดียว ผมไม่มีเจตนาแต่ทุกอย่างเริ่มต้นที่ผม ผมเป็นคนแคปเจอร์ ภาพจากไลน์แชท ของกลุ่มส่งไปให้เพื่อนที่ผมไว้ใจ ผมทำไปโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากเหตการณ์ที่เกิดขึ้นมันสร้างผลกระทบมาก ไม่แค่กับพี่ๆที่ผมรักและนับถือ ยังกระทบถึงครอบครัวพี่ๆด้วย พี่ๆทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของผม แม้ว่าพี่ๆไม่โกรธ ไม่มีแม้แต่คำต่อว่า ผมยิ่งละอายใจและรู้สึกผิดจากใจจริง ความผิดทั้งหมดผมขอรับไว้เองได้มั้ยครับ อย่าเอาไปลงกับพวกพี่ๆแฟนพี่ๆผมและหลานผมเลยครับ ผมขอรับผิดชอบผลจากการกระทำที่ผมก่อขึ้นเองครับ ผมกราบขอโทษทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ ทุกๆคนที่มีผลกระทบจากเรื่องที่ผมทำนี้ ผมขอโทษที่ทำให้ทุก คนผิดหวัง ผมขอโทษพี่ๆทุกคน

ขอโทษคน ใกล้ชิดที่ต้องทำให้เดือดร้อน ผมจะระวังและรอบคอบให้มากขึ้นกว่านี้กับการที่พูดหรือสื่อสารกับใครในอนาคต ครับ ผมกราบขอโทษพี่ๆทุกคนจากใจครับ

ใครอยากจะด่า อยากจะว่าอะไร เชิญได้เลยนะครับ ผมยินดี


ขณะที่ล่าสุด เจนี่ สามารถหลบกองทัพสื่อที่ไปรอที่สนามบินสุวรรณภมิ จากด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหน้า มีเพียงภาพสาวคล้ายเ จนี่ ให้เห็น และปล่อยให้ นานา ไรบีนา รับหน้ากองทัพสื่อก่อนขึ้นเครื่องตามไปด้วยกัน

ที่มา : สยามดารา

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

นาวิน ต้าร์ ปัดอวดรักหวานเวอร์ วอนสื่ออย่าเปรียบเทียบแฟนเก่า-ใหม่

นาวิน ต้าร์ ห่วง คิทตี้ โดนสื่อซักเรื่องรัก วอนสื่ออย่าตั้งคำถามโหดเกินไป รับต้องเตี๊ยมคำตอบก่อนอีกฝ่ายออกงาน เผยเตรียมออกงานอีเวนต์คู่กันครั้งแรก ปัดอวดรักหวานเวอร์ 


หลังจากที่ นาวิน ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล ออกตัวแรงประกาศผ่านสื่อว่ากำลังปลูกต้นรักครั้งใหม่ กับ คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล ที่อายุห่างกัน 14 ปี แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เผยมีไลฟ์สไตล์เดียวกัน โดยเฉพาะการออกกำลังกายแข่งไตรกีฬา เรียกว่าถึงขั้นฝ่ายชายเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวกันเลยทีเดียว

ล่าสุด ได้มีโอกาสเจอตัวพระเอกหนุ่ม นาวิน ต้าร์  ก็แสดงอาการเป็นห่วงเป็นใยแฟนสาวเสียเหลือเกิน หลังอีกฝ่ายออกงานให้สื่อซักเรื่องรักไปไม่กี่วันก่อน งานนี้ถึงขั้นฝ่ายชายยอมรับว่าตนต้องเตี๊ยมคำตอบให้แฟนสาวเลยทีเดียว วอนอย่าเปรียบรักใหม่กับรักครั้งเก่า เพราะไม่เหมือนกัน
     
“ผมก็ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวที่เมตตาและใจดีกับเขา ผมก็ให้กำลังใจเขาอยู่ห่างๆ ถามว่าแนะนำอะไรไหมคือก่อนเขาสัมภาษณ์เราก็บอกเขาว่าอย่าพาดพิงคนอื่น รักตัวเองเยอะๆ รักทุกคนมากๆ ก็บอกว่าพยายามทำให้เขารักเราละกัน ให้คำแนะนำขนาดนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกครั้งเราจะทำได้นะ เขาก็โทร.มาเล่าว่าตื่นเต้นมาก ไม่รู้ทำถูกหรือผิดเขาก็ยิ้มอย่างเดียวเลย ยิ้งแฉ่งตาตี๋เชียว”
     
เห็นว่าเตรียมออกงานอีเวนต์คู่กันครั้งแรก?
“เป็นงานเปิดตัวหุ่นยนต์ไอโรบอท วันที่ 1 สิงหาคมนี้ จริงๆ แล้วทางเจ้าของงานจ้างเราตั้งแต่ยังไม่มีข่าว ไม่ได้ตั้งใจจะออกงานคู่ แต่เจ้าของงานเขาก็ดีกับเรามากก็ต้องรอดูที่งานว่าจะเป็นยังไง แต่ก็เป็นการออกงานคู่กันครั้งแรก และถ้าจะติดต่อคู่กันอีก ตัวผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไรก็ต้องขอบคุณที่ให้ความสนใจและเมตตาน้องด้วย ผมก็ไม่มีอะไรครับ จริงๆ ไม่อยากให้ไปโฟกัสเรื่องส่วนตัวของผมในด้านนี้ แต่เท่าที่ดูเหมือนทุกคนชอบและอยากจะติดตามก็ไม่เป็นไร ถ้าอยากจะมีส่วนร่วม”

“ถ้ามีติดต่อมาอีกก็ต้องดูงานด้วยครับ ผมเองก็ไม่อยากจะโฆษณาว่าคู่รักหวานชื่นแล้วชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น เราคบกันเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เทกแคร์กันและกัน ผมเองก็ไม่อยากให้ใครมองว่าเราโชว์ออฟหรือเวอร์ มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ”
     
รับเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้แฟนด้วย?
“ใช่ครับ ก็มีติวนิดหนึ่งในเรื่องของการแข่งขันกีฬา น้องเริ่มจะแข่งขันมาตั้งแต่ที่มีการแข่งขันที่เชียงใหม่ งานสามเหลี่ยมไตรกีฬา ตอนนี้มันมีทีมผู้หญิงล้วน 3 คน มีน้องคิทตี้ว่ายน้ำ น้องหวานหวานเป็นคนปั่นจักรยาน น้องเบลล์เป็นนักวิ่งเขาก็มารวมกัน ผมเองก็มีโอกาสได้ช่วยเทรนด์น้องเขาในเรื่องว่ายน้ำและในส่วนที่ผมทำได้ครับ”
     
วอนอย่าเปรียบรักใหม่กับรักครั้งเก่า อ้อนนักข่าวอย่าตั้งคำถามกับแฟนโหดเกินไป
“เรื่องแฟนเก่าแฟนใหม่ เราไม่เปรียบเทียบอยู่แล้วครับ เราไม่อาจไปเปรียบเทียบใครเลยนะในชีวิตเรา ผมดีใจกับทุกๆ คนที่เราเคยรู้จักและทุกๆ ความรักที่เรามี คนที่รักกันจะเปรียบเทียบกันไม่ได้ครับแต่ถ้าจะมีคนมาเปรียบเทียบก็คงเป็นเรื่องของเขานะ หลีกเลี่ยงอะไรไม่ได้ แต่ว่าสำหรับผมเนี่ยผมก็รู้ว่าถ้าผมรักใครคงไม่ทำแบบนั้น ซึ่งผมเชื่อว่ากำลังใจจากคนรอบข้างจะทำให้น้องไม่งงในเสียงที่มันแบบตามมา จริงๆ แล้วนี่ก็ฝากพี่ๆ นักข่าวทุกคนด้วยว่าช่วยน่ารักกับน้องนิดหนึ่ง ถ้าเจอคำถามโหดๆ นี่ผมเองก็เกร็งเหมือนกัน ที่ผ่านมาก็ถือว่าโอเคครับ”

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โฬม ตีบท พีช แตกจนมีข่าวมีเสี่ยขอเลี้ยงดู

หลังจากที่พระเอกหนุ่ม โฬม พัชฏะ นามปาน ได้รับบทเป็น พีช เกย์แอ๊บแมนในเรื่อง “รักนี้เจ้จัดให้” ก็สามารถตีบทแตกเป็นที่ถูกอกถูกใจของหลายๆ คน จนถึงขั้นมีแฟนคลับของหนุ่ม “โฬม” คนหนึ่งได้เสนอตัวขอเลี้ยงดูเพราะติดใจในบทที่แสดงสุดๆ


ล่าสุดได้มาเจอหนุ่ม โฬม พัชฏะ นามปาน ในงาน “วัตสันฉลองครบรอบ 18 ปี” ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 เซ็นทรัลลาดพร้าว เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า
“หวาย…กับเรื่องที่มีแฟนคลับอยากเลี้ยงดูคือผมเป็นแค่ในละครครับ ก็ดีใจที่เล่นออกมาแล้วคนรู้สึกชอบในตัวละคร ก็ขอบคุณมากๆ ครับ”

มีแฟนคลับมาหาเราแบบแปลกๆ บ้างไหม?
”ยังไม่เคยเจอครับ ส่วนใหญ่มีแต่คนบอกเล่นเป็นเกย์เหมือนกว่าฉันอีกนะ”

ตกลงมีคนเสนอเลี้ยงดูให้บ้างหรือเปล่า?
”ไม่มีครับ”

แล้วกับแฟนคลับที่เสนอเลี้ยงดูเราแบบนี้เราจะตอบกลับหาเขาว่ายังไง?
”ไม่เอาครับ ผมทำงานเองได้ครับ เก็บเงินไว้ทำบุญดีกว่าครับ(ยิ้ม)”

แต่เห็นฐานแฟนคลับเราเพิ่มขึ้น?
”ก็ดีครับ ถือซะว่าเอาจุดนั้นมาเป็นกำลังใจในการทำงานให้โฬมครับ”

มีกระแสบอกอยากให้ละคร “รักนี้เจ้จัดให้” มีภาค 2 โดยมีเรื่องของเกย์กับเกย์ด้วย?
”อันนี้เล่นยากเลยนะ ต้องถามเจ้ดูแล้วกันว่าเจ้อยากให้เป็นแบบไหน แค่เรื่องนี้เจ้ยังเขียนตั้ง 2 ปีเลย กับเรื่องนี้มันก็เป็นอีกสเน่ห์หนึ่งของวงการละครนะที่คนอยากเห็นแล้วชอบครับ”

ถ้ามีจริงๆ เราทำได้หรือเปล่า?
”ผมทำได้อยู่แล้ว ถ้าให้เล่นผมก็เล่นครับ”

เห็นช่วงนี้ออกอีเว้นท์แทบทุกวัน?
”ใช่ครับ เดี๋ยวมีไปถ่ายละครต่ออีก”

เห็นว่าป่วยด้วย?
”คือเป็นเพราะอากาศด้วยครับ พอเดินทางเยอะๆ ก็เลยป่วย”

วันหนึ่งเราได้นอนเท่าไร?
”น้อยมากครับ ปกติก็นอนน้อยอยู่แล้วนี่ก็ยิ่งนอนน้อยกว่าเดิมอีกครับ”

เป็นเพราะโหมงานด้วย?
”ก็นานๆ ทีครับ พยายามฝึกให้มันชินอยู่ แต่เดี๋ยวเสร็จงานนี้ก็ขึ้นไปนอนบนรถแล้วครับ”

ตอนนี้มีละครกี่เรื่อง?
”มีอยู่ 2 เรื่องครับ ก็ยังถ่ายไม่เสร็จ มีเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” ซึ่งต้องไปถ่ายต่างจังหวัด แล้วก็มี “เทพบุตรสุดเวหา” อีกเรื่อง คือถ่าย 7 วันเลยครับ ก็คิดว่าปลายปีน่าจะเสร็จทุกอย่าง คงได้ดูกันปีหน้าครับ(ยิ้ม)”


วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ภาพหลุด โชว์รอยฟกช้ำ สาวหน้าคล้ายนางเอกสาวชื่อดัง เจนี่ ว่อนเน็ต

ก่อนหน้ามีภาพหลุดออกมาสู่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นระยะๆ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปถึงกรณีความสัมพันธ์คลุมเครือของนางเอกสาว เจนี่ กับ สามี ในขณะนี้


ล่าสุดก็รูปภาพหญิงสาวหน้าคล้ายนางเอกสาวชื่อดัง เจนี่ ซึ่งเป็นภาพหญิงสาวถ่ายภาพโชว์เรือนร่าง พร้อมกับเผยให้เห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ส่วนอีกภาพโชว์ให้เห็นภาพดวงตาสีแดงก่ำและบวมช้ำ คล้ายเพิ่งถูกทำร้ายร่างกายมา


หลังจากที่มีภาพหลุดล่าสุดออกมาสู่ในโลกออนไลน์ทำให้มีการวิเคราะห์วิจารณ์อย่างดุเดือด โดยเฉพาะภาพดังกล่าวมีความละหม้ายคล้ายกับนางเอกสาว "เจนี่" และยังมีข้อสังเกตจากโทรศัพท์มือถือที่ใช้ถ่ายภาพ เป็นเคสโทรศัพท์ที่สั่งทำเป็นพิเศษ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษ 3 ตัว ซึ่งคล้ายกับเคสโทรศัพท์ของนางเอกสาวชื่อดังที่เคยโพสต์ภาพหวานชื่นก่อนหน้านี้

โดยกระแสข่าวยังระบุว่า การตั้งโต๊ะแถลงข่าวสำคัญของนางเอก เจนี่ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทำให้มีการจับตาดูกันจะมีความเกี่ยวข้องกับภาพหลุดคล้ายนางเอกชื่อดังที่หลุดเผยแพร่ในโลกออนไลน์จนกลายเป็นประเด็นข่าวอยู่ในขณะนี้หรือไม่อย่างไร

ที่มา สนุกดอทคอม

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อั้ม โต้ข่าวลือมั่วเตรียมหมั้น แอมป์ ข่าวดียังอีกนาน

อั้ม เคลียร์ประเด็นเม้าท์มอย หลังลือกันให้แซ่ดว่าสาวอั้มเตรียมหมั้นแฟนหนุ่ม แอมป์-พิธาน องค์โฆษิต ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้


พักหลัง อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ หายหน้าหายตา ไม่ค่อยจะได้ออกสื่อสักเท่าไหร่ ล่าสุดได้เจอเจ้าตัวที่มาร่วมงานเปิดร้านอาหารเกาหลี The Red Sun ของสาว เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร ที่สยามสแควร์ข้างศูนย์หนังสือจุฬาฯ ซุปตาร์ตัวแม่เลยชี้แจงมาว่า
“ไม่มีเลยค่ะ ไม่จริงค่ะ ถามว่าเห็นข่าวมาก่อนหน้านี้ไหมไม่ได้ดูค่ะ แพลนไม่มีแน่นอนค่ะ”

แอมป์มีถามเรื่องนี้ไหม?
“ไม่เห็นถามอะไรเลยค่ะ เราไม่ได้คุยเรื่องนี้เลยค่ะ ข่าวมีตลอดอยู่แล้วค่ะ”

ผู้ใหญ่เร่งหรือเปล่า?
“ไม่มีใครเร่งเลยค่ะ บ้านอั้มยิ่งไม่เร่งเข้าไปใหญ่”

ตอนนี้มีความสุขดีอยู่แล้ว?
“ดีมากค่ะ”

จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ไหม?
“ไม่เลยค่ะ ไม่ใช่เลยค่ะ”

รออีกนานเลยไหม?
“นานเลยค่ะ อย่างที่เคยบอกไปว่านานเลยค่ะ”

เป็นเพราะยังติดถ่ายละครด้วยหรือเปล่าเลยเลื่อนไปก่อน?
“ไม่ค่ะ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ”

เขามีขอบ้างไหม?
“ไม่มีเลยค่ะ มีเรื่องอื่นถามไหม เรื่องนี้เบื่อมากเลยค่ะ”

อาการป่วยของ “แอมป์” เป็นอย่างไรบ้าง?
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ผ่าขาเฉยๆ ค่ะ เอาเหล็กออก ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังใส่รอเท้าคัทชูไม่ได้ค่ะ ออกจาก รพ.แล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ”

อัพเดทละครเรื่อง “พราว” จะได้เห็นเมื่อไหร่?
“ละครก็ถ่ายไปแล้วครึ่งเรื่องค่ะ ก็น่าจะอีกไม่นาน แล้วก็มีงานหนังด้วย ฝากติดตามหนังด้วยแล้วกันค่ะ เล่นคู่กับเป้-อารักษ์ ค่ะ”

เห็นมีโพสต์ให้ฟอลโล่วไอจีอันใหม่ของเจนี่?
“ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ ก็อย่างที่บอกมาในไอจีอั้มอยู่แล้วว่าเขาทำไอจีขึ้นมาใหม่ ก็เลยให้เพื่อนๆ ช่วยกันลงให้”


วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ปุ๊กลุก โต้โพสต์เหน็บ น้ำเพชร ลงอินสตาแกรม

หลังจากที่ น้ำเพชร ออกมาแถลงทั้งน้ำตาถึงสาเหตุต่างๆ ที่ทำไปเนื่องจากรีบหาเงินเพื่อให้แม่ได้เข้ารับการผ่าตัดพร้อมกับวอนขอสังคมให้โอกาส หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนไปเห็นอินสตาแกรมของ ปุ๊กลุก ได้โพสต์ข้อความว่า “อย่ายึดติดกับตำแหน่ง กับมงกุฏบนศีรษะ หรือเกียรติยศศักดิ์ศรีที่มีวันร่วงโรยราไป มากไปกว่าการได้ดำเนินชีวิตเป็นคนดี มีผลที่ดีต่อสังคม ที่เป็นเหมือนกับมงกุฏและศักดิ์ศรีที่จะอยู่กับเราตลอดไป ขอบคุณ ตำแหน่งมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ที่ทำให้ปุ๊กลุก ได้ก้าวมายืนในวงการบันเทิงทุกวันนี้ และที่สำคัญที่สุด ขอสัญญาว่า จะตั้งใจพัฒนาตัวเองในทุกๆด้าน ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ให้สมกับตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ได้รับมา..ขอบคุณ MTU” ทำเอาหลายๆ คนคิดกันไปว่าสาว ปุ๊กลุก เหน็บ น้ำเพชร หรือเปล่า


ล่าสุดได้เจอ ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่ ลานเอเทรียม 2 ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในงานเปิดแคมเปญเพื่อสังคมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “แรงเลอร์ กิฟ อะ ไลฟ์ ปี 5” เจ้าตัวก็เลยชี้แจงให้ฟังว่า
“เรื่องที่โพสต์นั้นปกติเวลาหนูมีเรื่องราวดีๆ หนูก็จะเอามาแชร์แบบนี้อยู่แล้วค่ะ ไม่ได้ตั้งใจเหน็บใคร”

พอน้ำเพชรแถลงข่าวแล้วเราก็โพสต์ลงคนเลยคิดว่าเราเหน็บเขา?
”หนูว่าอย่าไปพาดพิงเลยค่ะ คือมันเหมือนเป็นข้อคิดเฉยๆ ซึ่งหนูก็จะลงอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ส่วนใครจะคิดว่าหนูเหน็บเขามันก็ห้ามความคิดไม่ได้ หนูว่าหนูก็โพสต์เป็นข้อคิดทัศนคติกว้างๆ ที่ให้คนที่ติดตามอินสตาแกรมเราได้ข้อคิดเท่านั้นเองค่ะ หนูว่าอย่าไปพาดพิงกันเลยดีกว่า”

เราเคยคุยกับเขาไหม?
”ไม่ค่ะ ส่วนตัวหนูก็ยังไม่เคยเจอเลยค่ะ”

กลัวเขาเข้าใจผิดไหม?
”หนูก็ไม่ได้พาดพิงเขานะคะ”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราคิดว่าจะมีผลกระทบกับเวทีนางงามหรือเปล่า?
”จริงๆ หนูก็เคารพการตัดสินใจของทางคณะกรรมการค่ะ หนูว่าการประกวดมันก็เหมือนการแข่งขันที่มีทั้งผู้แพ้ผู้ชนะ อาจจะมีทั้งเรื่องที่ถูกใจและไม่ถูกใจแต่สุดท้ายเราก็ต้องน้อมรับคำตัดสินใจของทางคณะกรรมการ”

เราโพสต์ไปแบบนั้นแล้วมีเพื่อนนางงามเข้ามาแสดงความคิดเห็นอะไรบ้างไหม?
”ยังไม่ได้เปิดดูเลยค่ะ”

กลัวภาพลักษณ์นางงามเสียหรือเปล่า?
”ไม่ค่ะ เพราะสิ่งที่พูดมันคือทัศนคติจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรขนาดนั้นค่ะ”

ในฐานะที่เราเป็นรุ่นพี่เราอยากจะฝากบอกอะไรกับรุ่นน้องบ้างไหม?
”ก็คงฝากน้องๆ ที่มีโอกาสจะมีประกวดในปีต่อๆ ไปว่าการประกวดมันก็เหมือนการแข่งขันมันก็ต้องมีการแพ้ชนะกันอยู่แล้ว แม้จะมีเรื่องถูกใจหรือไม่ถูกใจแต่เราก็ต้องน้อมรับคำตัดสินจากทางคณะกรรมการค่ะ”

เห็นว่าอินสตาแกรมเราปิดสาธารณะแล้ว?
”ก็ปิดมาได้พักหนึ่งแล้วค่ะ ก็ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ สามารถรีเควสได้เพราะจริงๆ ก็ยังรับทุกคนยังไม่เคยปฏิเสธใครค่ะ คือที่ปิดหนูก็แค่อยากเห็นหน้าคนที่เป้นเพื่อนหนูบ้างเท่านั้นเอง ปกติแล้วคนที่ติดตามหนูเขาจะเป็นแฟนๆ ที่น่ารัก เขาจะเข้ามาคอมเม้นท์เวลาไปงานตลอด แต่ว่าหนูเปิดสาธารณะมา 2 ปีแล้วก็อยากจะขอลองปิดบ้างค่ะ”

เราหวงพื้นที่ส่วนตัวเหรอ?
”จริงๆ หนูก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นนักแสดง พื้นที่ตรงนั้นก็ไม่ค่อยส่วนตัวอะไรมากอยู่แล้วค่ะ”

ที่เราปิดเป็นเพราะเราไม่อยากรับฝากร้านหรือเปล่า?
”จริงๆ ก็เปิดให้ฝากนะคะ แต่ก็ไม่ได้ทุกรูป”

วันเกิดที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?
”ก็ดีค่ะ เราไม่ได้จัดรวมกับเพื่อนๆ คือส่วนใหญ่เราจะทานข้าวกับเพื่อนที่สนิทแล้วรอบนี้เหมือนเปิดโอกาสให้แฟนๆ ที่รักเราและเป็นกำลังใจให้เรามาตลอดทั้งปีได้อวยพรเราเป็นกลุ่มแรกค่ะ”

มีเซอร์ไพรส์ในงานไหม?
”ก็มีมาเรื่อยๆ นะคะ ก็จะมีแบบแอบเอาเค้กมาให้บ้างค่ะ จริงๆ วันเกิดมันก็เหมือนเป็นวันๆ หนึ่งเราก็ไม่ค่อยซีเรียสอะไรอยู่แล้ว”

มีของขวัญให้ตัวเองไหม?
”ไม่มีค่ะ จริงๆ ก็มีแหละ แอบซื้อไปแล้ว โดนว่าไปแล้วแต่ไม่ได้แพงอะไร เป็นของใช้ประจำวันค่ะ”

หน่องได้มาอวยพรเราบ้างไหมเพราะเห็นวันเกิดเขาเราก็อวยพรให้?
”ไม่มีค่ะ ก็มีพี่อั้มอวยพรวันเกิดไปแล้วค่ะ ก็ดีใจที่พี่อั้มไม่ลืมแต่ไม่ได้มีของขวัญอะไรนะคะ คือยังไม่ได้เจอกันเลยค่ะ”


วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คิมเบอร์ลี่ โต้เบี้ยวคิวกองละคร ปัด หมาก สั่งให้ขายกระเป๋าที่ เจ็ท ซื้อให้

กลายเป็นประเด็นขึ้นมาทันทีที่ดาราสาว คิมเบอร์ลี่ ได้ประกาศขายกระเป๋าสุดรักสุดหวงซึ่งเป็นรุ่นที่ทั้งแพงและหายากเลย แต่ที่สำคัญเป็นใบที่อดีตหวานใจ เจ็ท ณัฐพงศ์ เหมือนประสิทธิเวช ดั้นด้นซื้อมาเซอร์ไพรส์ครั้งรักยังหวานอยู่ ทำให้บรรดาขาเม้าท์ๆกันว่าเป็นเพราะ หมาก ปริญ สุภารัตน์ ว่าที่หวานใจคนใหม่เป็นคนบอกให้ขายด้วยเหลือเปล่า 


ล่าสุดได้เจอสาว คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส เทียมศิริ ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการประกวด หนุ่มสาว SMOOTH E BABY FACE TALENT ภายใต้แนวคิด “Live Young, Think Young, Look Young” ณ ชั้น 23 ตึกสมูทไลฟ์ ทาวเวอร์ สาทร โดยเจ้าตัวก็เคลียร์ให้ฟังแบบชัดๆ ทันทีว่า
"ก็ขายค่ะ เพราะว่าไม่ใช้แล้ว จริงๆ ก็รักกระเป๋าทุกใบ ไม่ได้ขายเพราะร้อนเงิน ขายเพราะเราใช้กระเป๋ารุ่นใหม่แล้ว มันก็ตกเทรนด์ไปแล้ว คือเรารักกระเป๋าเราไม่เคยขายเลย แต่มันก็ไม่มีที่จะไว้ก็เลยตั้งขายค่ะ"

ทำไมขายใบที่เจ็ทซื้อให้?
”หนูขายทุกใบที่หนูไม่ได้ใช้แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับที่พี่เจ็ทให้เลย มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราแค่คิดว่าไม่ได้ใช้แล้ว ถ้าเราไม่ใช้มันน่าเสียใจกว่าไหมคะ”

ไม่ได้มีคนสั่งให้ขายใช่ไหม?
”ไม่มีคนสั่งให้ขายค่ะ ตั้งใจขายเอง”

เราได้บอกเขาก่อนไหมว่าเราจะขาย?
”ไม่ได้คุยกับพี่เจ็ทเลยค่ะ"

ไม่กลัวโดนมองว่าไม่ดีเหรอ? 
"ก็คงไม่หรอกมั้งคะ เพราะนานแล้ว มันก็ถือเป็นของเราแล้ว จริงๆ ก็เสียดายทุกใบ เพราะเรารักกระเป๋ามาก แต่เราก็ไม่รู้จะไว้ตรงไหน ไม่รู้จะใช้ยังไง"

แล้วมีคนมาซื้อหรือยัง?
”มีแล้วค่ะ แต่ต้องบอกก่อนว่าทุกใบเราไม่ได้กำไรเลย คือเราจะขายตามราคาจริงไม่ได้เพราะมันมีรอยการใช้งาน เราก็มาดูกันว่าเราจะตั้งราคาไว้ที่เท่าไร ก็ราคาสมน้ำสมเนื้อไม่ได้แพงมากอะไร”

ที่เอาออกมาขายเพราะหมากซื้อใบใหม่ให้หรือเปล่า?
”ไม่มีเลยค่ะ"

เขาแพลนจะซื้อให้ไหม? 
"อันนี้ต้องถามเขาค่ะ แต่จริงๆ เราซื้อเองดีกว่า"

มีข่าวว่าหนีกองละครทำเอาคิวละครเรื่อง “เสือ” ของผู้กำกับ “ออฟ พงศ์พัฒน์” เสีย?
”เป็นข่าวไม่จริงเลยค่ะ ก็ได้เห็นข่าวแล้วเรื่องนี้ไม่มีมูลเลย เราให้คิวละครเป็นอันดับแรกอยู่แล้วตอนนี้ก็ 7 วันเต็ม แต่บทอาจจะยังไม่เสร็จก็เลยยังไม่ได้ถ่าย พอไม่มีคิวเราก็อยู่บ้านปกติไม่ได้ไปรับงานเพิ่มให้คิวมันล้น เราไม่เคยแคนเซิลคิวเลย”

แต่ข่าวออกมาว่าเราเข้ามาวันหนึ่งแล้วก็หายไปหลายวัน?
”ไม่มีทางที่อยู่ดีๆ แล้วหายไปแน่นอนค่ะ ไม่เคยเป็นอย่างนั้นเลยค่ะ เป็นเพราะบทยังไม่มีจริงๆ ค่ะ อีกอย่างละครตั้ง 5 เรื่อง พี่ออฟเขาก็กำกับตั้ง 4 เรื่องแล้วนะคะ เดี๋ยวเขาก็ต้องย้ายไปถ่ายเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกเลยอาจจะมีช่วงที่ไม่ได้ถ่ายบ้างเป็นธรรมดา”

ไม่ใช่เพราะเราเทคิวให้ละครอีกเรื่องมากกว่า?
”ไม่ค่ะ วันจันทร์ถึงพุธเป็นของเรื่อง “แอบรักออนไลน์” ส่วนพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์เป็นคิวเรื่อง “เสือ”อยู่แล้วค่ะ”

ข่าวออกมาแบบนี้เรากลัวส่งผลกระทบไหม?
”ก็ขออย่ากระทบเลยค่ะ เพราะเรื่องนี้มันไม่จริง”

ทางพี่ออฟเขาทราบเรื่องหรือเปล่า?
”พี่เขาก็ทราบแล้วแต่ก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรเพราะว่ามันไม่จริงค่ะ คือไม่อยากจะให้มาเป็นประเด็นก็กลัวทุกคนเป็นห่วง”

เรื่องไม่เกี่ยวกับเราแต่เราก็โดนตลอดแบบนี้เรามีนอยด์บ้างหรือเปล่า?
"ไม่ค่ะ ก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ"

กรณีที่มีข่าวว่ามีปัญหากับผู้จัดการส่วนตัวจนต้องเปลี่ยน เรายังทักเขาปกติไหม?
"วันนี้ก็เจอ ก็ทักทายกันปกติค่ะ" 

ได้ยินว่ามีผู้จัดการใหม่แล้ว? 
"ตอนนี้ไม่มีผู้จัดการมีแต่ผู้ช่วยดูแลคิวให้ แต่คงไม่มีผู้จัดการแล้วค่ะ" 

เข็ดเหรอ? 
"ไม่ขนาดนั้นค่ะ แต่ชีวิตตอนนี้ก็โอเคค่ะ"

เขาเม้าท์กันว่าเรามีปัญหากันเรื่องเงิน?
”เรื่องนี้ขอไม่พูดแล้วกันค่ะ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”

ไม่ใช่ว่าเราอยากเปลี่ยนมาใช้ผู้จัดการคนเดียวกับหมาก?
”เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นค่ะ”


ในกองเขาเม้าท์กันว่าหมากกับเราสวีทกันในกองละครหวานมาก?
”หวานยังไง ไม่ได้หวานขนาดนั้นค่ะ เราก็เล่นกันตามปกติเลยค่ะ”

เห็นลงรูปใกล้ๆ กัน เราตั้งใจหรือบังเอิญ?
”ตั้งใจค่ะ(ยิ้ม)”

ตอนนี้สนิทกันบ้างขึ้นไหม?
”กับพี่หมากก็สนิทกันค่ะ ส่วนจะใช้คำว่าแฟนได้ไหมตอนนี้ก็แค่สนิทกันก่อนค่ะ คือค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า เป็นคนที่สนิทค่ะ(ยิ้ม)”

เราสนิทเขาอยู่คนเดียวใช่ไหม?
”(พยักหน้า) ค่ะ”

ได้ยินว่าเขาก็ดูแลดีทุกอย่าง?
“เขาก็เป็นอย่างนี้ทุกคนแหละพี่ คือตอนนี้ก็เหมือนเดิมทุกอย่างเลย" 

เราพิเศษ? 
"อันนี้ต้องไปถามเขาว่าหนูพิเศษหรือเปล่า" 

ดูเหมือนเราเอาอยู่?
"อึ๋ย!..ไม่ค่ะ(ยิ้มเขิน)"

ที่มา รักดารา

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เจมี่ ยันรูปหลุดโชว์หวอใส่จีสตริง พร้อมขอโทษจวกสื่อแรงเกินเหตุ

หลังจากมีภาพดาราสาว เจมี่ บูเฮอร์ ไปร่วมงานอีเว้นท์หนึ่งและถูกถ่ายรูปมาเหมือนจะไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน ทำเอาคนที่ได้เห็นภาพต่างก็ตกอกตกใจและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว นอกจากนี้สาว “เจมี่” ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งด้วยท้อยคำรุนแรงแถมโบ้ยว่ารูปที่เห็นหวอนั้นเป็นเพราะช่างภาพถ่ายช้อนกระโปรง 


ล่าสุดมีโอกาสได้เจอสาว เจมี่ บูเฮอร์ ในงานเปิดตัวทีวีดิจิตอลช่อง “New TV 18″ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าพารากอน เจ้าตัวก็เลยชี้แจงให้ฟังว่า
“ก่อนอื่นเจมี่ต้องขอโทษพี่ๆ สื่อฯ จริงๆ ค่ะที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักหนึ่งไป บางคำพูดอาจจะรุนแรง ได้ข่าวมาว่าพี่ๆ สื่อบางคนเสียใจกับคำสัมภาษณ์ของเจมี่มาก เจมี่ก็ขอโทษกับพี่ๆ ทุกคนนะคะ ตอนนั้นอาจจะตกใจกับภาพที่ออกมาทำให้พูดโดยไม่ได้คิดค่ะ”

สรุปตอนนั้นเราได้ใส่หรือไม่ได้ใส่?
”ยืนยันว่าใส่ข้างในจริงๆ แต่เป็นจีสตริง ภาพที่ออกไปค่อนข้างแรงและรู้สึกช็อคไปเลย”

หลายคนบ่นว่าเราเอาอีกแล้ว โชว์ล่างอีกแล้ว?
”วันนี้เราก็เลยมาแบบเรียบร้อยค่ะ”

คนเขามองว่าเราสร้างกระแส?
”เรื่องสร้างกระแสคงไม่มีแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ คือมันไม่ใช่จังหวะที่เราจะมาสร้างกระแสแบบนี้”

หลายคนมองเราไม่ดีโบ้ยว่าช่างภาพถ่ายช้อนกระโปรงเรา?
”อันนี้ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วย ตอนนั้นเราตกใจจริงๆ อาจจะไม่ทันคิดเลยพูดออกไป”

แบบนี้อาจจะทำให้เราทำงานยากเพราะช่างภาพอาจจะไม่อยากถ่ายรูปเราเพราะเขาคงโกรธ?
”ทุกอย่างอยากให้เป็นความผิดที่เจมี่มากกว่า เราอาจจะเซฟน้อยเกินไป คือเจมี่ตัดสินใจแล้วว่าจะรับผิดชอบต่อสถานการณ์นี้ ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่ว่าจะออกงานไหนจะใส่กระโปรงยาวและกางเกงเท่านั้น”

คนบอกว่าเสียดายเพราะก่อนหน้านี้เราโชว์ผลงานแต่หลังๆ เราโชว์แต่ด้านนี้?
”เจมี่ก็อยากจะขอโทษกับพี่ๆ สื่อในจุดนี้ค่ะ”

แต่เห็นคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ภาพของเราแรงมาก?
”ยังไม่ได้เห็นเลยค่ะ อันนี้ต้องขอให้พี่ๆ ส่งมาให้ดูก่อนนะคะ ไม่มีอะไรจะพูดนะคะ เราอาจจะเซฟน้อยเกินไปค่ะ”


พอข่าวออกมาแบบนี้คนรอบข้างเราว่ายังไงบ้าง?
”ยังไม่ได้คุยกับครอบครัวอะไรคะ ก็คงเครียดค่ะ" 

ได้ยินว่าปรึกษาผู้จัดการ? 
"ผู้จัดการยังไม่ได้คุยกันในเรื่องรายละเอียดว่าจะยังไง ก็เตรียมตัวมาเจอพี่สื่อในวันนี้มากกว่า"

เราคิดจะฟ้องร้องช่างภาพหรือเปล่า?
”คงไม่ฟ้องค่ะ จะฟ้องได้ยังไง ไม่ฟ้องค่ะ”

ได้ยินมาว่าเรามีแพลนจะอัพไซส์หน้าอก?
”เดี๋ยวขอเป็นปลายปีนะคะ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ความพร้อมเราด้วย พอมีกระแสก็อยากเว้นช่วงนิดหนึ่ง”

พอมีกระแสแบบนี้เรากลัวว่างานจะหดหรือเปล่า?
”งานไม่หดค่ะ ยังไม่หด งานละครจากที่คุยไว้ก็ยังดำเนินต่อไปอยู่”

มีข่าวเม้าท์อีกว่าวงการเซ็กซี่ค่อนข้างเขม่นเราเพราะเขาเปิดบนแต่เราโชว์ล่าง?
”อันนี้ไม่ทราบเลยค่ะ ยังไม่มีใครมาพูดกับเราแนวนี้ค่ะ”

คนในวงการมองว่าโชว์ล่างแบบเราไม่ค่อยเหมาะสม?
”ไม่เคยคิดอยากโชว์เลยค่ะ คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุมากกว่า”

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เปิ้ล ปัดรับค่าตัวเพิ่ม หลังกลับลำเสียบหนังแทน ใบเตย

หลังจากที่ เปิ้ล โดนถอดจากหนังเรื่อง “สวยผ่าซาก” ค่ายกระบิลสิงห์ฟิล์ม เพราะเกิดความวุ่นวายตั้งแต่วันฟิตติ้งหวิดที่ เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว ต้องประจันหน้ากับ ใบเตย อาร์สยาม จนเกือบต้องประทะกันกลางงาน ทำให้ต้นสังกัดอาร์เอส. ได้สั่งถอนตัว ใบเตย และ กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์ เพราะไม่พอใจที่ค่ายหนังไม่แจ้งล่วงหน้าว่ามีคู่กรณีใบเตยเล่นด้วย ทำให้โฆษณาถอนตัวทันทีถึง 14 ล้านบาท แต่ในภายหลังค่ายหนังกลับลำหันไปง้อ เปิ้ล มาเล่นเป็นนางเอกอีกครั้งซึ่งคราวนี้เพิ่มค่าตัวให้เท่ากับ ใบเตย เลยทีเดียว 


ล่าสุดพอได้มาเจอ เปิ้ล-ไอริณ ศรีแกล้ว ในงาน “สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันอาสาฬหบูชา 2557” ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์ว่า
“ตอนนี้ก็กลับมาเล่นสวยผ่าซากแล้วค่ะ ก็คิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความเสียหายเหมือนกันเพราะทำให้เขาเสียหายไป 14 ล้านบาท เรื่องนี้เรามาทราบที่หลัง คือทางกองหลังเขาโทรมาหาเราแล้วบอกให้เรากลับมาเล่นหน่อยนะ เราก็ยินดีที่จะกลับมาเล่นให้”

เรายินดีทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าใบเตยจะกลับมาเล่นหรือเปล่า?
”จริงๆ แล้วมันไม่มีสาระสำคัญว่าใครจะเล่นหรือไม่เล่นเรื่องนี้ สำหรับเปิ้ลทิฐิมันไม่สำคัญน้อยกว่าสปิริตหรอกค่ะ สำหรับเราการแสดงเราเล่นกับใครก็ได้อยู่แล้ว”

แล้วเราได้เล่นเป็นบทอะไร?
"ในเรื่องนี้เหรอคะ เนื่องจากว่าเขายังวางตัวไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ก็เลยยังเปิดเผยไม่ได้" 

เป็นบทนำหรือเปล่า? 
"อันนี้ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ จริงๆ ทุกคนก็มีบทนำค่ะ นักแสดงเด่นๆ ในเรื่องมีหลายคน" 

เราได้เล่นบทเดิมหรือเปล่า?
"เปลี่ยนบทใหม่ค่ะ คือบทเก่าเขาแจกจ่ายแล้วรั่วออกไปแล้วเพราะฉะนั้นเขาก็เลยต้องเขียนบทขึ้นมาใหม่หมดเลย"

แปลว่าถ้าเขากลับมาเล่นเราก็ยินดีเล่นด้วย?
”ก็อย่างที่บอกว่าเราเล่นกับใครก็ได้อยู่แล้ว เขาจ้างมามันก็คืองานของเรา เราเล่นได้กับทุกคนค่ะ”

เรากลัวจะมีกระแสขึ้นมาอีกหรือเปล่า?
”ไม่กลัวค่ะ คือเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดเปิ้ลก็ต้องขอบคุณและถือว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำเพราะเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเปิดได้ความรักจากประชาชนหลายๆ คน สำหรับเปิ้ลจุดประสงค์ในวงการนี้ไม่ใช่เรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องมีงานหรือไม่มีงาน แต่เป็นการทำงานเพื่อให้ประชาชนรักซึ่งตอนนี้เปิ้ลก็ถือว่าสำเร็จแล้ว หลังจากนี้ไม่ต้องรับงานเยอะก็ได้เพราะเปิ้ลทำสำเร็จแล้วค่ะ”

แต่กระแสออกมาว่าเรากลับมาเขาก็เพิ่มค่าตัวให้?
“ไม่มีเลยค่ะ อย่างในเรื่อง “สวยผ่าซาก” เขาเสนอให้เพิ่ม 1 เท่าแต่เปิ้ลบอกเขาว่าเปิ้ลขอรับเท่าเดิมแล้วกันเพราะเปิ้ลทราบว่าเขาสูญเงินไปเยอะแล้ว เปิ้ลไม่อยากจะไปตักตวงหรือซ้ำเติมใคร ทุกอย่างยังเหมือนเดิมค่ะ ถ้าวันหนึ่งเปิ้ลฟลุคได้เป็นซุปตาร์เปิ้ลก็ยังรับค่าตัวเรทเดิมนะคะ”

เรากลัวคนจะมองว่าเราร่วมมือกับค่ายหนังเพื่อสร้างกระแสไหม?
”ถ้าเปิ้ลร่วมมือจริงๆ เสื้อผ้าหน้าผมเปิ้ลคงเปีะกว่านั้น เปิ้ลกลับมาดูคลิปเปิ้ลยังตกใจเลยเพราะเกิดมาไม่เคยเยินขนาดนั้น คือชุดนั้นเปิ้ลเพิ่งตื่นจากที่บ้าน ผมก็ยังไม่ได้สระ หน้าก็แต่งในรถลวกๆ ตรงนั้น เราไม่ได้เตรียมตัวจริงๆ อีกอย่างทุกคนไม่ทราบด้วยว่าเจ้าของหนังอายุแค่ 21 ปีเอง เขาเด็กมาก ประสบการณ์ชีวิตเขาน้อยมาก ถ้าเผื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาผิดพลาดก็ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ หลายๆ คนบอกเขาเป็นนักธุรกิจสมองใสแต่เปิ้ลก็เคยร่วมงานกับเขามาบ้างแล้วซึ่งเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ”

ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นคนไปขอกลับมาเล่นเอง?
”100 เปอร์เซ็นต์เลยค่ะ จริงๆ เจ้าของหนังเขาเป็นคนติดต่อกลับมาเองด้วยซ้ำ”

แล้วจะเปิดกล้องเมื่อไร
”คิดว่าเร็วๆ นี้ค่ะ”

นอกจากเรื่องนี้มีผลงานอะไรอีกไหม?
”ปีนี้มีภาพยนตร์ 4 เรื่องนะคะ ซึ่งจะทยอยให้ดูกันค่ะ บางเรื่องก็เล่นเป็นผีที่ค่อนข้างเซ็กซี่นิดหนึ่ง บางเรื่องก็เป็นผีดุ บางเรื่องก็เป็นคนธรรมดา เปิ้ลว่าเราเป็นนักแสดงเราก็ต้องเล่นให้ได้ทุกบทอยู่แล้วค่ะ”

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เจมี่ บูเฮอร์ ไม่ใส่ กกน ออกอีเวนต์ จริงหรือไม่

เจมี่ เผยภาพหลุดโชว์ของดี กลางงานอีเวนต์ ไม่ได้สร้างกระแส และไม่ได้เป็นคนปล่อยภาพ ส่วนภาพหลุดบอกเวลาทำงานก็โพสต์เต็มที่ ยันใส่กางเกงแบบถุงน่องบางเบาเซฟตัวเองแล้ว



หลังจากที่ดาราสาว เจมี่ บูเฮอร์ ออกมายกมือไหว้ขอโทษผ่านรายการไนน์ เอ็นเตอร์เทนที่ทำให้เกิดภาพไม่งามกลางงานประกาศรางวัลสยามดารา สตาร์ อวอร์ด 2014 เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะเผลอทำหลุดเหมือนว่าจงใจใส่ตะปิ้งโชว์แคมแบบจะจะ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สะเทือนวงการบันเทิง ชนิดผ่านไปแค่ข้ามคืนเจ้าตัวก็ทนกระแสสังคมกดดันไม่ไหว พร้อมประกาศผ่านสื่อว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรหลุดมาสร้างความฮือฮาอีกแล้ว เพราะตนเข็ดแล้ว 

แต่แล้วล่าสุดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมาดาราสาว เจมี่ บูเฮอร์ ได้ไปร่วมงานอีเวนต์งานหนึ่ง ในชุดเดรสเกาะอกสีหวานใสแบ๊ว บางเบาสบายตา แถมไม่กั๊กลิมิตอัพ แอนด์ แชร์ ความสวยเซ็กซี่ จนมีภาพหลุดมาสร้างความฮือฮายิ่งกว่าเก่า แถมต้องเรียกว่าตกตะลึงพรึงเพริดหลังเจ้าตัว ก็ไม่รู้ว่าคราวนี้จะยิ่งกว่าใส่ตะปิ้งโชว์แคมหรือเปล่า เพราะไม่รู้เจ้าตัวนั่งหลุด หรือ จงใจ “อวดหมี” กลางงานแบบจะจะ เรียกว่าโชว์ของดีแบบไม่มีชาร์ต! งานนี้เล่นเอาคนที่เห็นภาพดังกล่าวต่างถกเถียงกันยกใหญ่ว่าสรุปเจ้าตัวใส่กก น.มางานหรือไม่ ล่าสุด รายการ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์มาดูกันว่าเจ้าตัวว่าอย่างไรบ้าง




ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์, สยามดารา, ไนน์เอ็นเตอร์เทน


วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ชมพู่ เดี้ยงก่อนเข้ารายการ ตกมันส์บันเทิง ต้องหามส่งไอซียู

เกิดเหตุการณ์ใจหายใจคว่ำกลาง เมื่อ ชมพู่ ธัณย์สิตา สุวัชราธนากิตติ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ชมพู่ ก่อนบ่าย ได้เดินทางมาทำหน้าที่ดำเนินรายการเล่าข่าวตกมันส์บันเทิง แต่ก่อนเข้ารายการไม่นานก็เกิดอาการอ่อนล้าและแจ้งโปรดิวเซอร์รายการว่าขาขวาขยับไม่ได้ และขอไปโรงพยาบาลเร่งด่วน ก่อน โน้ต ปราชญ์ รักษ์อิสระ แฟนหนุ่มและทีมงานจะช่วยนำตัวขึ้นรถส่งโรงพยาบาลกรุงเทพ และแอดมิดด่วนถึงขั้นต้องเข้า ICU 


จนเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ชมพู่ก็ได้เปิดให้สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์พรัอมอัปเดตอาการเพิ่มเติม ณ ห้องดี 614 อาคารดี โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยระบุว่าอาการเดี้ยงเกิดจากกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน เนื่องจากอาการเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ

“ตอนแรกไม่ทราบว่าเป็นอะไร แต่พอมาส่องกระจกทำไมปากเราดูหนาๆ ใหญ่ๆ ไม่ปกติ มีอาการชาที่ไหล่ลงแขน ขาก็เริ่มชา เกร็งเวลาพูดเลยกังวล เพราะเคยได้ยินอาการเหล่านี้ไม่ค่อยดีเลยตัดสินใจว่าจะพัก แต่ตอนนั้นเรากำลังนั่งรถไปจัดรายการตกมันส์บันเทิงที่โมเดิร์นไนน์ทีวี ก็จะลงรถไปขออนุญาตทีมงานเพื่อไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาล พอหันหลังกลับจะไปขึ้นรถก็ไม่ไหวชามาก ร่างกายอ่อนแรงไปหมด จนแฟนเราต้องเข้ามาอุ้มขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลด่วน ระหว่างนั่งรถหนูก็นั่งตบหน้าตัวเองไปดูก็ยังชา หยิกขาก็ไม่รู้สึก เลยคิดว่าเข้าข่ายเส้นเลือดในสมองตีบหรือเปล่าอย่างที่เราเคยได้ยิน คุณหมอก็ส่งเข้าห้องไอ.ซี.ยู. ตอนนั้นเริ่มมีอาการปวดหัวมากด้วย”


ชมพู่ เผยหมอยังหาสาเหตุไม่ได้ แนะให้ทำกายภาพบำบัด
“จากนั้นคุณหมอให้ไปทำซีทีสแกนเพื่อเช็กเส้นเลือดผลออกมาเส้นเลือดไม่แตก ไม่มีเส้นเลือดตีบ คุณหมอเลยบอกว่าอาจเครียดนอนน้อย มีผลแบบนี้ได้เหมือนกัน คล้ายเป็นอัมพาตเฉียบพลัน แต่คุณหมอยังไม่แน่ใจ เพราะถ้าไม่ใช่เส้นเลือดตีบอาการชาก็น่าจะดีขึ้น แต่ตอนนี้หนูยังอ่อนแรงและชาอยู่ คุณหมอเลยให้ยาละลายลิ่มเลือดไว้ก่อน แล้วหนูมีไข้ ไอ ร่วมด้วยเลยให้ดูอาการอีกหนึ่งวัน คุณหมอบอกว่าถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าปลอดภัย แต่แค่สรุปไม่ได้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หรืออาจจะเพราะเราเป็นไมเกรนถ้าปวดหัวก็จะหนักมากเลยทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ ซึ่งก่อนหน้านี้หนูเคยรักษาอาการหมอนรองกระดูกที่หลังฉีก แต่ครั้งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวแล้วเลยมาเช็กที่ช่วงไหล่และคอ ผลคือตึงเป็นก้อนๆ ไม่รู้มีอะไรไปเบียดเส้นประสาทหรือเปล่า คุณหมอเลยแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด”

เจ้าตัวบอกต้องแคนเซิลงานทั้งหมด ต่อไปต้องลดงานและดูแลสุขภาพให้มากกว่าเดิม
“จริงๆ วันนี้ต้องขึ้นเครื่องไปทำงานที่ต่างจังหวัดและอัดรายการ แต่ต้องยกเลิกหมด ก็รู้สึกเกรงใจเจ้าภาพเหมือนกัน ต่อจากนี้ก็คงต้องลดงานลงแน่นอน เพราะที่ผ่านมานอนน้อย หรือบางวันแทบไม่ได้นอนเลย สะสมมาเครียดเรื่องงานเรื่องส่วนตัวบ้าง กลัวอาการจะหนักคิดอย่างเดียวอายุแค่นี้ป่วยขนาดนี้เลยเหรอ ต่อไปต้องลดงานลง หาเวลาพักผ่อนมากขึ้นดีกว่า แล้วขอโทษงานที่นัดไว้แล้วไม่ได้ไปหนูป่วยจริงๆ ขอบคุณแฟนๆ ที่เป็นห่วงด้วยจะพยายามรักษาตัวเองให้มากกว่านี้อายุจะได้ยืนๆ ค่ะ”

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฝ้าย ปัด ขวัญ สาดไวน์ใส่อ้างซุ่มซ่ามเดินชนแก้วหกเอง

ฝ้าย-ณิชานันท์ เผยสงสาร นางเอกรุ่นน้อง ขวัญ-อุษามณี แจงเหตุวิวาทไม่เป็นความจริง ยันไร้ปัญหาและยังร่วมงานกันได้ตามปกติ ปลื้มกระแสแฟชั่นชุดว่ายน้ำดี ตอนนี้หัวใจยังว่าง 


เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากับข่าวเม้าท์ประเด็นร้อนที่ว่า ดาราสาวร่วมวิกหมอชิตอย่างสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ และ ฝ้าย ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว เกิดการวิวาทถึงขนาดที่สาดไวน์ใส่หน้ากันในงานวิวาห์ ''ซี-เอมี่'' ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้สาวขวัญได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เจอสาวฝ้ายเมื่อวันก่อนจึงได้เข้าไปสอบถามถึงกรณีดังกล่าว โดยเจ้าตัวชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า
''เห็นข่าวแล้วค่ะ และรู้สึกเห็นใจขวัญมากค่ะ ที่ต้องมาเจอข่าวแบบนี้ เพราะจริงๆ เราไม่ได้มีปัญหากันเลย ความจริงแล้วในงานวันนั้นฝ้ายเจอกับขวัญก็ทักทายกัน ตอนนั้นเป็นช่วงปาร์ตี้ก็มีเพลงเต้นๆ กัน จังหวะที่ฝ้ายยืนมองหันไปทางเวทีก็ถูกใครคนหนึ่งชนแขนแล้วแก้วน้ำมันกระฉอกไปถูกกระโปรงขวัญที่อยู่ด้านข้าง ฝ้ายตกใจก็ขอโทษขวัญแล้วก็ช่วยเช็ดๆ ให้แล้วก็แยกย้ายกันไปไม่มีอะไร ที่จริงขวัญไม่ได้สาดอะไรฝ้ายเลยค่ะ แต่กลับถูกน้ำที่กระฉอกจากแก้วฝ้ายถูกกระโปรงด้วยซ้ำ จึงรู้สึกเห็นใจที่ขวัญเจอข่าวแบบนี้ แล้ววันต่อมาขวัญก็ไม่สบายฝ้ายก็ยังส่งข้อความไปบอกให้น้องหายไวๆ นะ เราไม่มีปัญหากันจริงๆ ค่ะ''

 เห็นว่าสาเหตุที่มีปัญหากันมาจากฝ้ายไปสนิทกับ อ๋อม-อรรคพันธ์ จริงหรือเปล่า?
''ไม่จริงค่ะ กับอ๋อมเจอกันในเรื่อง หัวใจเถื่อน เป็นเรื่องแรกแล้วเจอกันตามงานสถานีเท่านั้นค่ะ''

เห็นว่าจากกรณีดังกล่าว ทำให้ผู้ใหญ่สั่งปลดจากละคร?
''ไม่นะคะ เรื่องหัวใจเถื่อนก็ยังมีคิวถ่ายปกติค่ะ ทางช่องไม่เห็นมีคำสั่งอะไรแบบนั้น ร่วมงานกับขวัญก็ไม่มีปัญหานี่คะ เรื่อง ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท ฝ้ายฟิตติ้งแล้วก็มีคิวบวงสรวงปกติค่ะ ฝ้ายว่าคงเป็นการผูกเรื่องกันเองมากกว่า ความจริงไม่มีอะไรเลยค่ะ'' 

ฟีดแบ็กชุดว่ายน้ำที่เพิ่งถ่ายลงปกนิตยสารเป็นไงบ้าง?
''ดีนะคะ คนใกล้ตัวก็ชมว่าสวยดี''

ตั้งใจจะเปลี่ยนลุกส์เซ็กซี่รึเปล่า?
''ไม่เชิงค่ะ เห็นว่าวัยก็สมควรถ่ายได้แล้ว แต่ไม่เปลี่ยนลุกส์ตัวเองให้เป็นสาวเซ็กซี่ขนาดนั้น แค่อยากให้ลุกส์เราดูหลากหลายขึ้น เซ็กซี่บ้างให้ดูชีวิตมีรสชาติ ไม่ดูน่าเบื่อค่ะ''

สุดท้ายผู้สื่อข่าวจึงได้หันมาถามถึงเรื่องหัวใจ ดาราสาวกล่าวสั้นๆ ว่า
''ค่ะ แต่ก็มีคนเข้ามาคุยเรื่อยๆ ปกติ แต่ยังไม่มีใครเป็นแฟนจริงจังค่ะ''

ที่มา รักดารา

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เจมส์จิ เตรียมไปญี่ปุ่นจริง พร้อมเผยมีแพลนจัดแฟนมีตติ้งรอบสอง

หลังจากที่ล่าสุดมีข่าวว่า เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข สนิทสนมกับ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ในกองละคร “หนึ่งในทรวง” เลยทำเอาหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ หึงจนต้องตามเฝ้าที่กองเลยทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า 


พอได้เจอ เจมส์ จิ ในงาน  “AIS Shop Grand Opening Ceremony at Centeral Embassy” ณ เอไอเอสช็อป ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เจ้าตัวก็เลยอัพเดทเรื่องที่จะไปญี่ปุ่นพร้อมกับแก้ข่าวให้ฟังว่า
“ก็มีไปคุยๆ เอาไว้บ้างว่าจะมีโอกาสได้ไปฝึกที่ญี่ปุ่น ก็ไปหาลู่ทางในการเพิ่มทักษะของเรา คือมีแพลนเอาไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้างแต่ตอนนี้เรื่องยังไม่ถึงไหนเพราะกำลังอยู่ในช่วงคุยอยู่ครับ"

จะมีงานที่โน้นไหม? 
"อันนี้ต้องรอติดตามชมเพราะว่ามีติดต่อมาเหมือนกันครับ”

เราพอจะรู้ไหมว่างานเป็นยังไง?
”ก็เหมือนกับตอนไปเกาหลีรอบแรกแหละครับ เพียงแต่รอบนี้เราแพลนว่าอยากจะไปญี่ปุ่น" 

จะไปนานแค่ไหน? 
"อันนี้ยังไม่รู้เลยครับ ก็คงไปๆ กลับๆ แหละ”

แบบนี้เราต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มด้วยหรือเปล่า?
”ต้องเรียนครับ เรียนพอใช้ชีวิตอยู่ที่โน้นได้”

เป็นโปรเจกต์ใหญ่ไหม?
”ไม่ใหญ่หรอกครับ ก็ทำเล็กๆ เล่นๆ ไปวันๆ" 

มีเซอร์ไพรส์ไหม? 
"ก็ต้องรอดูว่าจะมีไหมเพราะตอนนี้รายละเอียดผมยังไม่รู้เท่าไรครับ”

เราตื่นเต้นหรือเปล่า?
”ตอนนี้ยังครับ ผมว่าจะตื่นเต้นตอนที่จะต้องไปอยู่โน้นแหละ คือตอนนี้มันยังเป็นแพลนที่ไม่แน่นอนครับ ก็กำลังคุยๆ อยู่ เดี๋ยวคอนเฟิร์มได้เมื่อไรแล้วจะมาบอกอีกทีครับ แต่ตอนนี้ที่รู้แล้วแน่ๆ คือที่จะไปเกาหลีเพื่อไปร่วมงานเอเชียนเกมส์ประมาณเดือน ก.ย. ครับ”

ตอนนี้พร้อมขนาดไหนแล้ว?
”ก็พร้อมในระดับหนึ่งแล้วครับ" 

เตรียมเพลงอะไรไป? 
"คือตอนนี้ผมหวังเอาไว้ว่าจะทำเพลงใหม่ด้วยเพื่อไปงานนี้โดยเฉพราะครับ ก็เป็นเพลงไทยนี่แหละ ส่วนเพลงเกาหลีตอนนี้มีแล้วครับ ส่วนเรื่องของโชว์ตอนนี้ก็มีการซ้อมท่าเต้นอยู่เรื่อยๆ ครับ เดี๋ยวจบงานนี้ผมก็ต้องไปซ้อมเต้นต่อ" 

ตื่นเต้นไหม? 
"ตอนนี้ผมยังนึกภาพไม่ออกครับ คือมันเหมือนเป็นงานเฟสติวัลของเขาด้วย มีศิลปินดังๆ เยอะแยะมากมายที่มาร่วมงานนี้ครับ”

แล้วโปรเจกต์ทางเกาหลีที่จะมาประเทศไทยตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?
”ก็อยู่ในช่วงเดือน ก.ย. ครับ ก็เลื่อนให้ไวขึ้นหน่อยจากที่ตอนแรกเขามีปัญหากันครับ"

ได้ยินว่าจะมีแฟนมีตติ้งรอบ 2 เตรียมความพร้อมแล้วหรือยัง?
”ตอนนี้ความพร้อมของแฟนมีตติ้งรอบ 2 ยังไม่เรียบร้อยเลยครับ คือยังไม่รู้ว่าจะจัดช่วงไหน ยังไม่ได้คุยอะไรกับผู้ใญ่เลยแต่ก็อยากจะมีอีกครั้งเหมือนกันครับ”

กลัวคนมองเรื่องบัตรว่าจะแพงเหมือนเดิมหรือเปล่า?
”คงไม่หรอกครับ กับรอบนี้ผมตั้งใจมากๆ ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมก็หวังในเรื่องโชว์เพราะผมก็ลงไปช่วยคิดด้วยว่ามีอะไรบ้างที่อยากให้เกิดขึ้น ก็คงสนุกมากขึ้นและมีเล่นกับแฟนคลับมากขึ้นครับ”

ได้ข่าวว่าผู้จัดการส่งเราไปซ้อมเต้นหนักขึ้นเพื่อแก้มือครั้งที่แล้ว?
”ยังครับ คือเราต้องเริ่มเดินไปเรื่อยๆ ก่อนครับ”

คราวนี้จะมีอะไรเซอร์ไพรส์เป็นพิเศษมากกว่าเดิมไหม?
”มีเซอร์ไพรส์แน่นอนครับ”

แล้วคิดว่าจะจัดช่วงไหน?
”คิดว่าไม่ปลายปีนี้ก็ปีหน้าครับ แต่ตอนนี้ก็มีแค่คุยๆ งานกับผู้ใหญ่ไว้เฉยๆ ครับ แต่ก็คิดว่าอยากทำอะไรมันๆ ก็ต้องคิดกันยาวๆ หน่อยครับ(ยิ้ม) ก็คิดว่าจะมีแขกรับเชิญเหมือนเดิมครับ”

ได้ยินว่าครั้งก่อนเราโดนหลายเรื่องเหมือนกัน?
”ใช่ครับ คือครั้งที่แล้วเหมือนยังไม่ได้ตั้งตัวอะไรแต่คราวนี้ก็อยากให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์ขึ้นด้วยครับ”

คิดว่าจะจัดใหญ่เหมือนครั้งแรกหรือลดขนาดลงมา?
”อันนี้ต้องรอดูอีกทีหนึ่งครับ”

ล่าสุดเราได้ฉายาพระเอก 100 เทคในกอง “หนึ่งในทรวง”?
“ไม่จริงครับ ไม่ถึงขนาดนั้น คือผมก็ไม่ได้เข้ากองละครมานานเลยต้องเคาะสนิมนิดหน่อยครับ" 

เสียเซลฟ์ไหม? 
"ไม่ครับ ผมก็ชินจากเรื่อง “คุณชายพุฒิภัทร” แหละครับ เพราะเจอป้าแจ๋วบ่อย”

มีผู้ใหญ่เรียกไปคุยไหม?
”ไม่มีครับ คือผมเป็นแค่ 1-2 วันหลังจากนั้นก็ถ่ายปกติแล้วครับ”

แต่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องจริงเพราะป้าแจ๋วเป็นคนลงเอง?
”คือหลายเทคจริงแต่ไม่ถึงขนาดนั้นครับ พอ 1-2 วันก็ไม่มีอะไรแล้วครับ”

เห็นแหม่มบอกว่าไม่ถึง 100 เทคแต่เป็น 98 เทค?
”จริงๆ แล้วเป็น 97 ครับ(หัวเราะ)”

หลายคนมองว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้เราออกอีเว้นท์เยอะเลยไม่ค่อยมีเวลาในการแสดงละคร?
”อันนี้เป็นเรื่องของสถานที่ครับ เพราะว่าแพลนเขาจริงๆ จะเปิดตั้งนานแล้วแต่ติดปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องเลื่อน เราก็มีหน้าที่ต้องรอครับ”

เราได้ไปเรียนเพิ่มไหม?
”ก็มีเรียนการแสดงเพิ่มครับ เดี๋ยวก็คงได้ชมกันว่าจะเป็นยังไง แต่ก็คงไม่ได้เรียนเยอะมากเพราะตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับ ผมว่ามันก็ดีขึ้นนะ ดูสนุกขึ้น" 

ผ่านฉลุยแล้ว? 
"ไม่มีเทคแล้วครับ”

เล่น “หนึ่งในทรวง” ก็มีข่าวกับญาญ่าอีกว่าณเดชน์หึงจนตามไปเฝ้าญาญ่าในกอง?
”ไม่มีแน่นอนครับ" 

เขาเคยมาไหม? 
"ไม่เคยเลยครับ ตั้งแต่เริ่มถ่ายมายังไม่เคยเห็นครับ”

พอเล่นกับญาญ่าเรากลัวกระแสแอนตี้หรือเปล่า?
”อันนี้มันเป็นเรื่องของงานครับ เราเป็นนักแสดงเราก็ต้องทำหน้าที่ที่ทุกคนให้" 

เกร็งไหม? 
"ไม่เลยครับ เราก็ใช้ชีวิตปกตินี่แหละครับ คงไม่มีอะไรแน่นอน”

ได้ยินว่าละครเรื่องใหม่เล่นกับเบลล่า ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?
”ก็กำลังรอทางผู้ใหญ่ครับ คือเรื่องนี้ได้ยินมาบ้างแต่ต้องรอผู้ใหญ่คอนเฟิร์มอีกทีหนึ่งก่อน”

จะไปฟื้นกระแสคู่จิ้นกลับมาอีกไหม?
ต้องรอดูเพราะว่ามีคนรอชมค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ”

เห็นเบลล่าบอกว่าจะฟิตติ้งแล้วเร็วๆ นี้?
”หะ! จริงเหรอ ผมยังไม่รู้ตัวเลยครับ คือผู้ใหญ่ก็มีบอกๆ อยู่เหมือนกันแต่ผมกับเบลล่าติดละครอยู่ทำให้เวลายังไม่ลงตัวก็เลยยังไม่ได้คุยอะไรเพิ่มเติมครับ”



วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อ๋อม-อรรคพันธ์ โต้เป็นต้นเหตุ ขวัญ-อุษามณี สาดเหล้าใส่ ฝ้าย-ณิชานันท์

ทำเอาหนุ่ม อ๋อม งงและเครียดไปเลย เพราะอยู่ ๆ ก็มีเสียงเม้าท์ว่าสาเหตุที่นางเอกสาว ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์ สาดเหล้าใส่ ฝ้าย-ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว ก็เพราะฝ่ายหลังนั้นดันไปสนิทกับพระเอกคู่จิ้นอย่าง อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์ เกินไป 


งานนี้จริงเท็จยังไง พอได้เจอหนุ่มอ๋อมเลยต้องให้หนุ่ม อ๋อม เคลียร์สักหน่อย โดยเจ้าตัวได้เผยว่า
“ผมยังงงว่าข่าวออกมาได้ยังไง มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ส่วนตัวผมยังไม่ได้คุยกับทั้งทางฝ้ายและขวัญเลย ผมว่ามันเป็นการเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง คือผมไม่อยากให้มีข่าวแบบนี้เกิดขึ้นและไม่อยากให้คนที่เสพข่าวคิดกันไปเอง ข่าวแบบนี้มันมีแต่เสียกับเสีย ทั้งผู้หญิงทั้งสองคนและตัวผมเองด้วย ไม่มีอะไรดีเลย เรื่องนี้ทำให้ผมเครียดบ้าง เราเองไม่รู้ว่าข่าวมันออกมาได้ยังไง ส่วนที่มีคนมองว่าเราไปให้ความหวังทั้งสองสาว คือผมว่ามันไม่มีอะไร และไม่อยากให้มองว่าเราเป็นต้นเหตุแบบนั้น ในกองถ่ายละคร ผมก็สนิทกับทั้งสองสาวปกติ เป็นเพื่อนร่วมงานกัน คุยกันธรรมดา ซึ่งข่าวแบบนี้ไม่ได้ทำให้เราต้องระวังตัวในการทำงานร่วมกันครับ ผมทำตัวเหมือนเดิม เพราะถือว่ามันไม่มีอะไร ส่วนตัวผมไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์สาดเหล้าแบบนี้เกิดขึ้นจริง เพราะผมรู้จักผู้หญิงทั้งสองคน ถามว่ากลัวคนคิดว่าเราเป็นคาสโนว่าอีกรึเปล่า เอาจริง ๆ ผมไม่ซีเรียสนะ ผมทำตัวเป็นธรรมชาติของผม ส่วนข่าวออกมายังไง คนมองแบบไหน มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนเสพข่าว เราห้ามไม่ได้ ก็อยากให้ดูยาว ๆ ครับ”


“สำหรับเรื่องความรัก วันนึงผมจะมีใครสักคน ก็มีไปตามธรรมชาติ ไม่ได้ปิดกั้นหรือไขว่คว้า ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้คุยกับสาวคนไหนเลย เพราะทำงานหนักมาก อยากโฟกัสงานก่อน ส่วนกับขวัญที่หลายคนยังลุ้นอยู่ คือเล่นละครด้วยกัน 2 เรื่อง มันก็ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น แต่ปัญหาที่เป็นส่วนตัวมาก ๆ ก็อาจจะไม่ได้คุยกัน มันยังมีระยะซึ่งกันและกันอยู่ ส่วนโอกาสพัฒนา ผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้น อยากทำงานให้ออกมาดีที่สุดก่อน เพราะหากเราเป็นแฟนกันจริงก็อาจจะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย จริง ๆ เรื่องความรัก ผมไม่ได้ซีเรียสนะ จะเกิดขึ้นกับคนในหรือนอกวงการก็ได้ครับ”

ที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บุ๋ม ไม่แคร์โดนเม้าท์เกาะกระแส น้องแก้ม ดัง ล่าแสนรายชื่อแก้กฎหมายข่มขืน

บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ทนไม่ไหวกับเหตุการณ์สะเทือนใจกรณีการเสียชีวิตของ น้องแก้ม ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนง วัย 13 ปี ที่ถูกพนักงานทำความสะอาดบนรถไฟ ที่ทั้งเสพยาบ้าทั้งดื่มเบียร์ก่อนเข้าไปข่มขืนระหว่างอยู่ในตู้นอนของรถไฟสายสุราฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ก่อนคนร้ายจะโยนร่างออกจากรถไฟเพื่อปกปิดคดี ถึงขั้นลุกขึ้นมาอาสาล่ารายชื่อประชนชนให้ครบ 1 แสนเพื่อนำไปยื่นแก้กฎหมายคดีข่มขืนให้หนักกว่าเดิมด้วยวิธีประหารชีวิต ท่ามกลางคนบันเทิงที่ร่วมด้วยช่วยแชร์ข้อความดังกล่าวของบุ๋มผ่านไอจีเป็นจำนวนมาก


ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บุ๋มก็ได้ออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ณ บมจ. อสมท. โดยชี้แจงว่าตนไม่อยากให้คนทำผิดได้สิทธิ์ลดหย่อนโทษจนออกมาลอยนวลทำผิดซ้ำซาก และไม่หวั่นคำครหาเกาะกระแสข่าวดัง ปลื้มได้รับการตอบรับล้นหลามจากศิลปินนักแสดง ไม่เว้นแม้แต่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่เห็นด้วยในเรื่องนี้

“จริงๆ เรื่องกระแสของการข่มขืนบุ๋มว่าฮือฮาก่อนที่บุ๋มจะโพสต์อีกนะคะ เพียงแต่ว่าบุ๋มขอเวลาในการจัดการเรื่องตู้ปณ.ให้เรียบร้อย ก็ขอบคุณทางไปรษณีย์ด้วยที่ลัดระบบให้นิดหนึ่งทำให้เช่าตู้ไปรษณีย์ได้ จริงๆ บุ๋มดำเนินการเรื่องนี้มาสักพักใหญ่แล้ว ถ้าหลายๆ คนตามอินสตาแกรมของบุ๋มก็จะเห็นว่ามีการศึกษาเรื่องกฎหมายพวกนี้มาเยอะพอสมควร เพื่อให้ความชัดเจน เป็นความถูกต้องและยื่นเสนอขอแก้ไขกฎหมาย การเสนอยื่นรายชื่อไม่ผิดพลาด เลยต้องขอเวลาในการศึกษาอย่างแท้จริง ตอนนี้ตามพรบ.การเข้าชื่อเสนอกฎหมายปี 2556 บางคนบอกว่าใช้แค่หนึ่งหมื่นรายชื่อถ้าเป็นจดหมายปกติ แต่ถ้าเกิดมีแก้ไขเนื้อหาของรัฐธรรมนูญอันนั้นต้องเป็นห้าหมื่นรายชื่อขึ้นไป ซึ่งจริงๆ แล้วบุ๋มว่าเราไม่รู้ว่าใครบ้างที่มีสิทธิ์ในการเข้ามาบอกว่ารายชื่อต้องเป็นคนที่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง เลยไม่รู้ว่าใครบ้างจะมีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ บางคนอาจไม่ได้ไปเลือกตั้งบางครั้งมันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ใครที่อยากช่วยตรงนี้บุ๋มเข้าใจ บุ๋มเลยขอเป็นหนึ่งเพื่อให้รู้ถึงกระแสสังคมว่าเราไม่ต้องการให้เกิดกรณีอย่างนี้เกิดขึ้นอีก”

“เราไม่อยากให้เกิดเหยื่อในสังคมไทยขึ้นอีกค่ะ ดังนั้นบุ๋มเลยจัดการเรื่องตู้ปณ. 43 ปณฝ. ห้วยขวาง กรุงเทพ 10327 รหัสอาจแปลกนิดหนึ่งเพราะเป็นไปรษณีย์ที่เช่าไปรษณีย์เขาเพื่อดำเนินการได้ตามสะดวก ขอเป็นสำเนาบัตรประชาชนของคุณขีดคร่อมเลยค่ะว่าเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายข่มขืนเท่านั้น เพื่อระวังว่าบุ๋มไม่เอาไปทำอย่างอื่นแน่นอน แล้วก็ลงชื่อ ลงวันที่แล้วส่งมาที่ตู้ไปรษณีย์ที่บุ๋มได้บอกไป หลายคนก็เป็นกระแสกลับมาอีกว่า ถ้าถึงโทษประหาร ส่วนใหญ่จะกลัวว่าฆาตกรจะฆาตกรรมและหลบซ่อนศพเพื่อไม่ให้ตัวเองจับได้แต่จริงๆ แล้วตามหลัก เมื่อเราได้รายชื่อแล้ว ตามหลักเดิมเราต้องเอาไปให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็เสนอเข้าครม. เพื่อพิจารณากฎหมายต่อไป”

“แต่ในกรณีนี้จะยื่นไปทางประธานคสช.เลยค่ะ แล้วก็เพื่อดูแลพิจารณากฎหมายต่อไป ไหนๆ เห็นบอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอยู่แล้ว หลายคนก็อยากให้เปลี่ยนแปลงกฎหมายของการข่มขืน เรื่องของเรื่องว่าจะมีการรับโทษหนักขนาดไหน ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะพิจารณากันอีกที แต่อย่างน้อยพวกเราควรเริ่มหัวขบวนไหมคะ ถ้าเกิดเอาแต่พูด อย่างน้องๆ ในเว็บไซด์ อย่างเช้นส์โออาร์จีก็ทำในเว็บพันทิพ ก็ทำลงชื่อกันเยอะแยะมากมาย บุ๋มดีใจค่ะที่เห็นสิ่งดีๆ แบบนี้ในสังคมไทย แต่ถ้าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายต้องใช้เอกสารทางราชการของจริงค่ะ บุ๋มถึงต้องทำตรงนี้เกิดขึ้นเพราะบุ๋มเห็นกระแสแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เราพูดกันมานานมากแล้ว เราควรทำอะไรควรลงมือจริงๆ จังๆ ซักที บุ๋มได้เป็นแค่หัวขบวนค่ะ บุ๋มคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายอะไรได้”

เผยไม่อยากให้คนทำผิดเดินลอยนวลในสังคมแล้วทำผิดซ้ำ
“สำหรับคนที่มีลูกสาวอย่างบุ๋ม บุ๋มคงไม่อยากให้จิ้งจอกสังคมรับโทษแล้วเดินออกมาลอยนวล ทำผิดแล้วผิดอีก บางคน 6 คดีนะคะ เราจะอยู่ในสังคมนี้ยังไง ลองเป็นเหยื่อเอง ลองเป็นคนที่มีลูกหลานเอง มันอยู่ยากค่ะ ต่อให้ประหารเดี๋ยวถ้าสารภาพเขาก็มีกระบวนบวนการในการลดหย่อน คุณไม่ต้องไปกลัว ถ้ากลัวแสดงว่าคิดทำผิดสิ ถูกไหมคะ ดังนั้นอย่ากลัวสิ่งที่เราไม่คิดจะทำค่ะ แต่เราต้องกลัวคนที่คิดจะทำผิดค่ะ”

บอกเตรียมการนานแล้ว ตั้งแต่ตอนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเมื่อต้นปีแล้วโดนด่ายับ
“นานแล้วค่ะ ตั้งแต่คราวที่บุ๋มมีเรื่อง (หัวเราะ) บุ๋มไปเลือกตั้งตั้งแต่คราวที่แล้ว ว่าคนมีสิทธิ์ยื่นเสนอกฎหมายได้ต้องเป็นผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง คราวที่แล้วบุ๋มโดนกระแสในเน็ตเยอะมากแต่คราวนี้คือไม่รอแล้วดีกว่า จะครม.ไหน จะคสช.ไหนได้หมดค่ะ ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงดีๆ เกิดขึ้น อนาคตเราไม่รู้หรอกว่าเราจะได้กฎหมายนี้โทษหนักขนาดไหน นั่นเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่พิจารณาอีกทีค่ะ แต่ตอนนี้เราต้องเริ่มกันแล้วค่ะ ถ้าด้วยความตั้งใจอยากให้สำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ ก่อนที่ตัวเองจะเป็นอะไรไปในชีวิตนี้ อยากให้กฎหมายนี้เปลี่ยนแปลงค่ะ”

ข้องใจทำไมเก็บเห็ดผิดกฎหมายต้องโทษจำคุก 30 ปี ส่วนคดีข่มขืนร้ายแรงกว่าจำคุกแค่ 4-20 ปี
“ถ้าข่มขืนต้องดูนะคะในกรณีข่มขืนต้องลองไปสัมภาษณ์เหยื่อดูว่าข่มขืนแล้วเขาอยู่อย่างไร หลายคนบอกว่ากลัวเรื่องแพะรับบาป อันนั้นมันอีกเรื่องไหม อีกกระบวนการไหม ร้อยคนที่เป็นนักโทษข่มขืนกี่คนที่เป็นแพะ บุ๋มถามอย่างนี้ ถ้าเรามัวแต่แคร์คนกลุ่มน้อยที่จะเป็นแพะ มันไม่ใช่คดีข่มขืนคดีเดียวนะคะ คดียักยอกทรัพย์ คดีลักเล็กขโมยน้อย คดีเรื่องการทำร้ายร่างกาย เรื่องการหมิ่นประมาท มันมีแพะกันทั้งนั้นแหละ นั่นคือกระบวนการตัดสินพิจารณาโทษที่จะทำในกระบวนการกฎหมายต่อไป แต่ ณ วันนี้เราควรดูแลกฎหมายอย่างไร ไม่ใช่เก็บเห็ด ติดคุก 30 ปี แต่ข่มขืน 4-20 ปี สารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง ทำดีลดโทษอีก ซักพักออกมาข่มขืนอีกแล้ว เราอยู่กลางสังคมนี้ยังไงคะ อย่างน้อยขอจุดเริ่มต้น บุ๋มได้แค่เป็นตัวเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ บุ๋มคงเปลี่ยนแปลงกฎหมายอะไรไม่ได้ แต่พลังของพวกคุณที่จะเป็นตัวเปลี่ยนแปลงได้ บุ๋มทำได้แค่เป็นสะพานให้เท่านั้น เป็นคนไปยื่นเสนอให้เองค่ะ”

ลั่นต้องร่วมมือกันจริงจังกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง เพราะทุกคนมีสิทธิ์ช่วยเหลือสังคมเท่าเทียมกัน
“ที่ผ่านมาเรามัวแต่พูดกันไง มัวแต่ด่าฆาตกรด่าคนทำความผิด เลว ควรประหาร ควรจะอย่างนั้น ตัดไอ้นั่นประจาน เราเอาแต่พูด แต่ไม่เคยได้ลงมือทำเลย นี่คือครั้งแรกที่เราจะร่วมมือทำกันจริงจัง โดยไม่มีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่พวกใคร ใครอยู่กลุ่มไหน ใครเป็นสื่อ ใครดารา ใครไม่ใช่ดารา บุ๋มว่าทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมดในการช่วยเหลือสังคม บุ๋มเป็นแค่หัวขบวนในการเริ่มต้นให้เท่านั้น และมีทีมน้องๆ หลายคนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย จะมาช่วยคัดแยกเอกสารตรงนี้ก็ขอบคุณมากๆ แต่ตอนนี้ต้องขอแรงทุกคนในการประชาสัมพันธ์ตรงจุดนี้ จะได้ไม่ได้ขนาดไหนแต่อย่างน้อยสังคมในวันนี้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นว่าเราไม่ต้องการฆาตกรอีกต่อไป เราไม่ต้องการคดีข่มขืน เห็นเหยื่ออีกต่อไป นี่คือจุดเริ่มต้นที่ควรจะเกิดขึ้นค่ะ”


ปลื้มศิลปินดาราลุกขึ้นมาเป็นแนวร่วมเพียบ ไม่เว้นแม้แต่ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ”
“แนวร่วมที่เป็นดาราศิลปินเยอะมาก ก็มีหลายคนค่ะ อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) เจ (เจตริน วรรธนะสิน) อ๊อฟ (ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) อ๊อฟ (ชนะพล สัตยา) และมีอีกหลายคนเข้ามาเยอะมาก ช่วยโพสต์กระจายส่งต่อกันไป บอกแฟนคลับต่อไป ขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ความตั้งใจไม่ใช่แค่ความตั้งใจของคนเดียว มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ รวมไปถึงสื่อมวลชนหลายคน มานั่งทำรูปบุ๋มแล้วเอาข้อความมาใส่ใหม่เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้เรื่องราว รวมถึงมหาวิทยาลัยหลายที่ในต่างจังหวัดรวบรวมกันแล้ว ส่งชื่อกันมาและแท็กในไอจีบุ๋ม โฟโต้ออฟยูที่เป็นรูปแท็ก บุ๋มไม่เห็นรูปตัวเองแล้ว บุ๋มเห็นข้อความเท่านั้นที่ประชาชนส่งต่อกัน บุ๋มขอบคุณมากๆ อย่างน้อยความตั้งใจที่จะศึกษากฎหมายทางด้านนี้เพื่อให้ได้ผลจริง และมีคนตอบรับ เพราะเราไม่ได้จบมาทางด้านนี้ วันนี้มันพูดไม่ออก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”

เผยยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาร่วมสนับสนุน ไม่หวั่นโดนคัดค้านเพราะต้องการให้เกิดสิ่งดีๆ ในสังคม
“ยังค่ะ แต่จะเป็นสื่อมวลชนเรานี่แหละค่ะ คงทนไม่ไหวกันแล้วใช่ไหมคะ ไม่งั้นบุ๋มคงไม่เห็นกล้องมาเยอะขนาดนี้เช่นเดียวกัน สื่อมวลชนร่วมกันเยอะมาก กลุ่มดาราศิลปินก็เยอะมาก แฟนคลับศิลปินแต่ละคนก็ร่วมมือกัน แสนคนไม่ยากค่ะ ไม่กลัวโดนคัดค้านว่าใช้วิธีประหารโหดร้ายเกินไป ถ้ามีคนออกมาคัดค้านก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะทุกคนแสดงความคิดเห็นภายใต้ระบอบประชาธิปไตย คุณคัดค้านคุณก็บอกเหตุผลมา เราอยากให้เกิดขึ้นเราก็บอกเหตุผลไปเท่านั้นเอง แล้วค่อยๆ พิจารณาคัดค้านตอนพิจารณากฎหมาย นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ ทุกคนย่อมมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เราเองก็อยากให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นในสังคม เราก็ต้องยื่นส่วนที่แรงที่สุดไปก่อนเพื่อให้เป็นกระแสในสังคม เพื่อให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ต้องการให้เกิดโทษตรงนี้อีก คุณคัดค้านมาก็เป็นกระบวนการพิจารณากฎหมายครม.ต่อไป ชีวิตนี้ต้องทำให้เห็นให้ได้ จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหนก็ต้องทำให้ได้ค่ะ ถ้าเป็นของระบบการปกครองปัจจุบันน่าจะเร็ว(หัวเราะ)”

“เชื่อว่าผู้ใหญ่คงรอดูกระแสว่าประชาชนจะตอบรับมากแค่ไหน ถ้ากระแสเราดี สื่อทุกคนเห็นด้วย ในการทำสิ่งดีๆ เกิดขึ้น อย่าเพิ่งตกใจคำว่าประหารนะคะ เรายื่นไปก่อน ส่วนจะได้ไม่ได้ เหมือนเราฟ้องร้องทางแพ่งก็ยื่นไปก่อน แต่ส่วนใหญ่ได้ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นการพิจารณาโทษกันอีกทีในอนาคต แต่อย่างน้อยเราต้องเดินเรื่อง และต้องมีการเริ่มต้นกันก่อน ถ้ามีใครเข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ก็ยินดีค่ะ กราบยินดีเลย ยินดีอย่างยิ่ง ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จก็จะทำอีก เพราะที่ผ่านมาก็นั่งศึกษาเต็มที่แล้ว ไม่งั้นคงพูดมาตรากฎหมายไม่ได้ขนาดนี้”

บอกครบ 1 แสนรายชื่อเมื่อไหร่ พร้อมนำไปยื่นให้ประธานคสช. ทันที
“ก็ยื่นทันทีค่ะกับท่านประธานค่ะ ก็ย้ำอีกครั้งนะคะ ขอเป็นพลังเริ่มต้นในตรงจุดนี้ให้เห็นว่าเรามีประชาชนอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยและเห็นว่าจากต่างประเทศก็จะส่งมาให้ด้วย ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ครบรายชื่อหนึ่งแสนเมื่อไหร่ บุ๋มจะยื่นเป็นรายชื่อบัญชีหางว่าวขึ้นทันที สำหรับจุดนี้ก็เป็นสำเนาบัตรประชาชน คาดว่าเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายข่มขืนเท่านั้น เซ็นชื่อลงวันที่คุณเซ็น แล้วส่งมาที่ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดีค่ะ ตู้ ปณ.43 ปณฝ.ห้วยขวาง กรุงเทพ 10327 ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากๆ ขอบคุณสื่อมวลชน พลังของพี่น้องในวงการบันเทิง และทุกคนที่อยากให้มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น กฎหมายจะแรงขนาดไหน นั่นเป็นเรื่องอนาคตค่ะ แต่อย่างน้อยวันนี้เราทุกคนทำสิ่งดีๆ ร่วมกันค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ แต่คงไม่รวมตัวทำกิจกรรม บุ๋มว่าคนไทยต้องระมัดระวังเรื่องการรวมตัว(หัวเราะ) บุ่มอาจดูหัวรุนแรงไปนิดหนึ่ง แค่นี้ก็รุนแรงพออยู่แล้วค่ะ”

ไม่หวั่นคำครหาเกาะกระแส “น้องแก้ม” ดัง
“ถ้าจะมองเรื่องการทำความดีแล้วมองเราแง่ลบก็ช่างเขาเถอะค่ะ เขามองได้แค่นั้นก็ปล่อยเขาไป ส่วนคนที่ชื่นชมก็สาธุค่ะ ขอบคุณมาก เพราะข่าวร้ายๆ เยอะแล้ว บุ๋มโดนเอาชื่อไปแอบอ้างบ้างอะไรบ้าง ไปเที่ยวญี่ปุ่น อ่านข่าวแล้วเฮ้ย โดนอะไร เที่ยวก็ไม่สนุกนะคะ โดนข่าวแล้วเหนื่อยใจ แต่เอาน่าเรามีแรงหรืออะไรดีๆ ก็ทำต่อไปเนอะ”

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เบลล่า โต้ข่าวเกาเหลา น้ำหวาน เคพีเอ็น

ข่าวตลอดๆว่านางเอกสาวยิ้มสวย เบลล่า-ราณี แคมเปน กำลังสานสัมพันธ์กับ เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ พระเอกหนุ่มวิก 7 สี แต่ก็ยังไม่วายเจอข่าวเม้าท์ว่ามีปัญหากับนักร้องสาวจากเวทีเคพีเอ็น น้ำหวาน-พรพรรณ มนชะติน ที่ลือกันว่าหนุ่ม “เพิร์ท” แฟนหนุ่มของ น้ำหวาน เป็นอดีตหวานใจของสาวเบลล่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแถมยังติดต่อกับสาวเบลล่าอยู่ 


ล่าสุดในงาน “Maybelline Super Discovery” ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ได้เจอนางเอกสาว เบลล่า-ราณี แคมเปน ที่มาร่วมงาน โดยเจ้าตัวก็เปิดเผยถึงประเด็นข่าวฉาวให้ฟังว่า

ได้ข่าวว่าเรามีปัญหากับ น้ำหวาน KPN?
“อันนี้ได้ยินจากข่าว จริงๆไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวและไม่เคยเจอกันมาก่อน ก็ไม่ทราบว่าที่มาที่ไปเป็นยังไงเหมือนกัน”

เหมือนเราโทรไปหาเพิร์ทแฟนหนุ่มของอีกฝ่าย?
“ไม่มีเลยค่ะ เคยรู้จักกันตอนทำกิจกรรมอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันติดต่อกัน ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ด้วยค่ะ”


ข่าวว่าเขาเป็นแฟนเก่าเรา?
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แฟนเก่า คือรู้จักกันแค่ช่วงสั้นๆ ทำกิจกรรมด้วยกัน หลังจากนั้นไม่ได้เจอกันคุยกันแล้ว ถามว่างงไหมมีข่าว ก็ค่อนข้างงงเหมือนกันค่ะ สำหรับตัวน้องเขาไม่เคยคุยส่วนตัว ไม่เคยเจอตามงานด้วยค่ะ เลยยังไม่มีโอกาสพูดคุย ไม่รู้จักค่ะเพราะว่าเราก็ทำงานทุกวันค่ะ”

อยากจะเคลียร์กับเขาไหมเพราะเป็นเรื่องผู้ชายด้วย?
“สำหรับตัวเรา เราไม่มีอะไรให้เคลียร์เพราะเรายืนยันว่าเราไม่เคยมีการติดต่อไปอยู่แล้ว เราไม่มีเบอร์โทรศัพท์ และเราไม่มีมานานมากแล้วด้วยค่ะ กับแฟนของเขาเคยรู้จักค่ะ”

พอมีข่าวได้คุยกับทางฝ่ายชายบ้างไหม?
“ไม่ได้คุยค่ะเพราะว่าไม่มีช่องทางติดต่อด้วยค่ะ”

พี่เวียร์ว่าอย่างไรมีข่าวนี้?
“อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขารู้หรือเปล่าค่ะ”

กลัวเวียร์จะเข้าใจผิดไหม?
“ไม่กลัวค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นค่ะ”

ความสัมพันธ์กับเวียร์ยังโอเคไหม?
“ก็ยังโอเคอยู่”

เจอกันบ่อยไหม?
“ไม่ได้เจอเลยค่ะ”

แสดงว่าเรามั่นใจในตัวเวียร์ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเรา
“ค่ะ ก็ค่อนข้างมั่นใจเหมือนกัน”

พูดแบบนี้เหมือนยอมรับเป็นนัยๆ?
“ไม่ใช่ ก็ถามมาตอบไป”

ดูเหมือนห่างๆ กันนะช่วงนี้?
“ก็ไม่ได้เจอเพราะว่าถ่ายละครเยอะค่ะ ได้ติดต่อกันบ้าง ถามว่าเป็นโทรศัพท์หรือไลน์ก็มีทั้งคู่ ส่วนเฟสไทม์ไม่ได้ค่ะเพราะอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณค่ะ”

ยังไปไหนมาไหนทานข้าวด้วยกันไหม?
“ไม่ได้ไปเลยค่ะ”

ยืนยันเวียร์ยังเป็นผู้ชายหนึ่งเดียวในใจ?
“โอ้โห จะให้ยืนยันแบบนั้นก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าก็เป็นพี่ชาย ยังเป็นพี่น้องกัน ยังคุยติดต่อกันอยู่ค่ะ”

เราตอบดูเขินๆ เหมือนพัฒนามากขึ้น?
“มันจะเอาเวลาไหนมาพัฒนาดีกว่า ยังคงที่ ยังเหมือนเดิม คือยังคุยกันค่ะ”

พอห่างกัน กลัวพี่เวียร์แอบกิ๊กสาวอื่นไหม?
“ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาแล้ว เพราะเราไม่ได้ปิดกั้นกันด้วย ด้วยความที่ตัวเราเองยังไม่พร้อมที่จะจริงจังกับเรื่องนี้ขนาดนั้นด้วยค่ะ ฉะนั้นก็ต้องให้อิสระซึ่งกันและกันค่ะ”

เขาดูเป็นคนเที่ยวๆ ลุยๆ เราไม่มีระแวงเหรอ?
“ไม่ใช้คำว่าระแวง เอาเป็นว่าเป็นห่วงเรื่องการเดินทางมากกว่าแล้วกัน ก็กลัวเรื่องอุบัติเหตุมากกว่า เป็นห่วงพี่ชายค่ะ”

เกี่ยวกับเรื่องสาวๆ เขาทำให้เรามั่นใจยังไงบ้าง?
“อันนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนั้นเท่าไหร่ค่ะ ไม่ได้โฟกัสตรงนั้นเท่าไหร่”

เราเชื่อใจ?
“ตอบไม่ถูกอ่ะ ไม่ใช่ว่าเชื่อใจเพราะว่าไม่ได้คาดหวัง ณ ตรงนั้นด้วย”

เห็นว่ามีโปรเจกต์จะเรียนต่อปริญญาโท?
“ใช่ค่ะ กำลังจะเรียนต่อปริญญาโทที่ ม.ธรรมศาสตร์ ค่ะ คือเรียนจบปริญญาตรีมาสักพักนึงแล้วค่ะ ก็กลัวหมดไฟซะก่อน ตั้งใจอยากเรียนโทเพราะมันคือความใฝ่ฝันด้วยแหละ พอมันมีโอกาสมีจังหวะก็เลยรีบเรียนก่อน ก็เรียนที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนค่ะ คณะเดิมค่ะ ตอนนี้ก็สอบแล้ว ติดแล้วเรียบร้อยค่ะ คือเราเรียนด้านวิทยุโทรทัศน์มาอยู่แล้วด้วย เราก็เรียนเบื้องหลังมา พอตอนนี้เรามาทำงานเบื้องหน้าอยู่ เราก็เลยไปเรียนบริหาร เผื่อแก่ไปแล้วไม่มีงานทำ ก็คงวนเวียนอยู่แถวนี้ ชอบค่ะ”

จะเริ่มไปเรียนเมื่อไหร่?
“เรียนปีนี้แหละค่ะ ประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. ค่ะ”

แบบนี้ต้องพักเรื่องงานละครไหม?
“ไม่ได้ดร็อปละครค่ะ เพราะว่าถ้าเป็นช่วงนั้นจะเป็นช่วงใกล้ปิดกล้องอยู่แล้วค่ะ”

หลังจากนี้ต้องรับละครทีละเรื่องเพราะต้องไปเรียนหรือเปล่า?
“ต้องดูอีกทีนึงด้วยค่ะว่าทางกองละครไหวที่ตรงไหน เราไหว เราเต็มที่อยู่แล้ว ก็ต้องจัดตารางเรียน ตารางทำงานค่ะ”

เห็นว่าจะมีละครใหม่กับ เจมส์-จิรายุ?
“ใช่ค่ะ ชื่อเรื่อง “ปดิวรดา” แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์ต่อสามี” ค่ะ อันนี้เพิ่งคอนเฟิร์มค่ะ”

จะกลับมาเป็นคู่จิ้นกันเหมือนเดิม?
“ก็คือไม่อยากให้คนโฟกัสขนาดนั้น คือมีคนเรียกร้องมาค่อนข้างเยอะเหมือนกัน แต่ว่าเราไม่อยากให้ดูแค่คู่เดียว อยากให้ดูคู่อื่นด้วย”

เรื่องนี้ต้องเล่นเป็นสามีภรรยากันเลยหรือเปล่า?
“อันนี้ไม่แน่ใจ ยังไม่ได้อ่านเรื่องย่อ”

เรื่องนี้น่าจะดูหวานขึ้นกว่าเดิมไหม?
“ก็ดูแล้วน่าจะหวานอยู่เหมือนกันนะเพราะจะมีแฟนคลับส่งหนังสือเรื่องย่อมา ให้ แอบได้ดูแล้วนิดหน่อย จะเป็นคำพูด วาจา สายตาอะไรแบบนี้ค่ะ”

แฟนคลับปลื้มเลยที่กลับมาเล่นคู่กันอีกครั้ง?
“ต้องถามแฟนคลับ น่าจะปลื้มนะคะ ก็ดีใจค่ะ กลับมาร่วมงานกับเจมส์จิอีกครั้งเพราะว่าทำงานกับเจมส์แล้วเหมือนรับส่งกันดี พอเรารู้สึกจริงๆ คนดูได้ดูก็รู้สึกตามเหมือนกัน”

ละครมีต่อเนื่องเลย?
“คิวมันได้พอดีด้วยค่ะ ด้วยความที่เรียนจบแล้ว จะมีเวลาว่างมากกว่าเด็กๆ”

จะเริ่มถ่ายทำเมื่อไหร่?
“ปลายปีนี้แหละค่ะ ส่วนฟิตติ้งยังค่ะ”

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บุ๋ม เคืองโดนโยงตั้งใจหลุดโชว์อก แนะน้องๆจะตอบถามอะไรก็อย่าได้พาดพิงถึงคนอื่น

กับประเด็นร้อนสุดๆ สำหรับข่าวที่ เจมี่ บูเฮอร์ ใส่ชุดมางานที่แหวกจนเห็นจีสตริงอีกทั้งยังยินดีที่ได้เป็นไอดอลโชว์ท่อนล่างอีกต่างหาก ทำเอาหลายๆ คนโยงไปรวมกับ บุ๋ม  ที่มีภาพด้านข้างเกือบเห็นหน้าอกในวันเดียวกันและมองว่าดาราสมัยนี้ต้องโชว์ถึงมีกระแส 

ร้อนถึงดาราสาวเซ็กซี่ บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ต้องออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“เรื่องรูปก็เห็นแล้วว่าคนเขาเอาไปเขียนกันว่าปนัดดาโชว์นม โชว์เยอะเกินไป หัวนมดำ คืออยากจะบอกว่ารู้จักเงาไหม แล้วทำไมไม่เอารูปที่ถ่ายด้านหน้ามาเปรียบเทียบด้วยหละ เพราะถ้าฉันตั้งใจแหวกจริงรูปด้านหน้ามันก็ต้องเห็นใช่ไหม แต่นี่บุ๋มเอามาลงมันก็ไม่มีนะ บุ๋มก็รุ่นนี้แล้วนะจะตั้งใจหลุดเหรอ รูปนี้มันหลุดจริงๆ มันเป็นจังหวะที่เราเอี้ยวตัวแล้วเราก็เห็นว่าเป็นพี่ๆ นักข่าวกันเองก็ไม่คิดว่าเราจะโดนอย่างนี้”

แปลว่าไม่ใช่งานของเรา?
”ไม่ใช่งานของพี่แต่มันเป็นงานครีมทาผิวซึ่งก็ต้องโชว์ผิวบ้างใช่ไหมหละเพียงแต่เราไม่คิดว่าเราจะโดนไปด้วยซึ่งมันประจวบเหมาะพอดีกับวันที่น้องๆ เขาเดินพรมแดงกันอยู่ทั้งที่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้ไปงานนั้นแต่กลายเป็นว่ามีชื่อเราไปในงานด้วย ก็อยากจะให้แยกแยะกันนิดหนึ่งว่าคนที่โดนภาพหลุดนั่นหมายถึงคนที่ช่างภาพตั้งใจจะถ่ายให้หลุด คุณก็ต้องด่าทั้งบุ๋มและช่างภาพสิไม่ใช่มาด่าที่บุ๋มคนเดียว ช่างภาพสมัยก่อนเขาก็มีภาพหลุดดาราแต่จะเอามาลงไหมมันก็ต้องผ่านการพิจารณากันก่อน แต่สมัยนี้กลายเป็นว่าเราพลาดไม่ได้เลย แล้วคนก็มาบอกอีกว่าก็คุณแต่งตัวอย่างนั้นเอง จะมาโทษช่างภาพได้ยังไง คือบุ๋มก็ไม่ปฏิเสธว่าบุ๋มก็ผิดแต่ไม่ใช่ด่าที่บุ๋มคนเดียว ก็ต้องพูดถึงช่างภาพด้วย ตัวบุ๋มเองก็พยายามเซฟเต็มที่แล้วแต่พอมาถึงงานเราก็ต้องใส่ชุดนั้นใช่ไหมหละ เราจะมานั่งเป็นดาราเรื่องมากไม่ได้เราไม่ได้เป็นคนดังอันดับต้นๆ นะ แต่ที่น้อยใจจริงๆ คือเอาเราไปเปรียบเทียบกับน้องๆ ที่เขาตั้งใจใส่มาแบบนั้น เขาต้องรู้อยู่แล้วแหละว่ากระแสจะเป็นยังไง คนตั้งใจกับไม่ได้ตั้งใจแล้วเอามารวมกันมันก็น้อยใจเป็นเหมือนกันว่าทำไมไม่แยกแยะ”


กับข่าวเซ็กซี่ช่วงนี้ที่เป็นกลุ่มน้องๆ เราคิดว่ายังไง?
”ก็แปลกดีนะคะ เวลามีกระแสในวงการบันเทิงน้องๆ ก็จะมาคุยไลน์กันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ต่อไปเราจะต้องแต่งตัวแบบนี้มางานเหรอ เราจะต้องมานั่งปฏิวัติกันไหมว่าจะไม่แต่งตัวเซ็กซี่ คือเราก็เริ่มคุยกันแล้วแหละว่าเราจะทำยังไงกันดี แต่ลองสังเกตดูนะว่า 4 คนที่อยู่หน้างานวันนั้นเขาไม่มีผลงานนะ ก็ถามกันต่อไปว่าคุณกำลังนำเสนออะไร วันแรกๆ บุ๋มก็เข้าใจอยู่ว่าหลายๆ ค่ายก็ต้องแข่งกันทำข่าว แต่ว่าบางทีก็อยากให้ช่วยสแกนข่าวหน่อยเพราะข่าวของคุณก็กลายเป็นอย่างอื่นได้ บางสิ่งบางอย่างมันไม่ควรออกอากาศ แต่เห็นหลังๆ ดูเหมือนพวกคุณก็ได้สติกันแล้วเลยมีเซ็นเซอร์บ้างอะไรบ้าง ก็ขอบคุณมากๆ แล้วกับเรื่องเจมี่อันนี้เราแยกมาอีกประเด็นหนึ่ง แต่ 3 คนที่เหลือเขามีผลงานอะไรเหรอ เขาไม่มีผลงานอะไรนะ แล้วคุณเอามาใช้เหมารวมว่าเป็นดาราเดินพรมแดงแบบนี้มันก็ทำให้ภาพลักษณ์ของดาราคนอื่นๆ ดูแย่ลงไหมหละ”

แล้วตกลงคือยังไง เป็นเซ็กซี่ใช่ไหม?
"ความเซ็กซี่กับอนาจารมันต่างกันแค่เส้นบางๆ เองนะ ก็เหมือนถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำมันก็เป็นเส้นบางๆ เหมือนกัน คือภาพมันก็แรงอยู่แล้วแต่ข้อความก็เสริมความแรงไปด้วยมันก็ทำให้ออกมาไม่ใช่เซ็กซี่ใช่ไหมคะ อย่างชุดบางชุดก็มีทั้งแหวกทั้งโชว์บางคนเขาถอดกางเกงในด้วยซ้ำไปแต่ทำไมถึงไม่เป็นอะไร"

เขาดูไม่ได้ตั้งใจ? 
"ของอย่างนี้ตั้งใจอยู่แล้วค่ะ แต่ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะเขาเซฟตัวเอง มันอยู่ที่ลิมิตของแต่ละคน ก็อย่างของพี่ในงานเกิดอวอร์ดพี่ก็โชว์หลังแต่ไม่เปิดข้างหน้าใช่ไหมคะ ก็อย่างที่บอกแหละว่าเซ็กซี่กับอนาจารมันกั้นกันแค่เส้นบางๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมานั่งคุยแล้วว่าอะไรควรไม่ควร แล้วก็ถ้าอยากจะได้กระแสก็เข้าใจแต่ไม่ควรตอบคำถามด้วยการแขวะคนอื่น ก็อย่างนางงามชุดเขาเซ็กซี่ไหมคะ เขาก็เซ็กซี่บนเวทีแต่เขาไม่ได้ใส่ชุดแบบนั้นมาเดินตามงานถูกไหมคะ ดังนั้นการจะตอบถามอะไรก็อย่าได้พาดพิงถึงคนอื่นนะ อันนี้เตือนในฐานะรุ่นพี่นะคะ"

แปลว่าเราก็โมโหเหมือนกัน?
”ไม่หรอก พี่ก็พยายามปกป้องนะเพราะพี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำให้นางสาวไทยมีประเด็น พี่ก็ยอมรับเพราะพี่เป็นคนตรงๆ แต่พี่เองก็มีลิมิตของพี่เหมือนกัน ในฐานะที่พี่เป็นนางแบบพี่ก็จะทำงานของพี่อย่างเต็มที่เหมือนที่ทุกๆ คนเห็น มันคนกฏของการรู้กาลเทศะและรู้ลิมิต เราก็ต้องเซฟนิดหนึ่งต่อให้เราไม่มีอะไรจะโชว์ก็เถอะ”

จะมีการเตือนน้องๆ ไหม?
”บอกยังไงหละคะ คือเราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน อย่างเจมี่เขาก็เพิ่งโทรหาพี่ก่อนวันงาน 2 วัน พี่ก็เลยงงว่าอยู่ดีๆ ทำไมน้องกลายเป็นไอดอลโชว์ด้านล่าง พี่ก็อยากจะบอกว่าให้ใจเย็นๆ เวลาตอบคำถามก็ให้ใจเย็นนิดหนึ่งเพราะกระแสมันแรงแล้วจะไปกันใหญ่ ถ้ามีคนรับได้ก็ดีไปแต่บางกลุ่มเขารับไม่ได้มันจะยิ่งแย่ อันนี้พี่เป็นห่วงนะถึงได้บอกแบบนี้ ตัวพี่ก็เคยโดนกระแสมาเยอะแล้วเหมือนกันแต่เราก็รู้ว่าหน้าที่ที่เราทำคืออะไร ก็อยากจะบอกน้องๆ หน่อยในเรื่องเซ็กซี่ว่าหนูอยากจะเซ็กซี่เพื่อให้เป็นประเด็นข่าวได้แต่หนูต้องมีผลงานออกมาให้สื่อและประชาชนดูด้วยมันถึงจะยาว แต่ถ้าแค่เซ็กซี่เป็นกระแสเท่านั้นแปบเดียวก็หายไปแล้วคนจะไม่ยอมรับนะ แล้วอีกอย่างถ้าคุณอยากได้กระแสคุณก็ต้องรับให้ได้ไม่ว่ากระแสจะตามมาเป็นยังไง ยิ่งสมัยนี้มีโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คก็ยิ่งทำให้คนเข้าถึงตัวดาราได้ง่ายกว่าสมัยก่อนนะ นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกน้องๆ ดาราว่าสังคมของเราได้เปลี่ยนไปดังนั้นทำอะไรคิดให้หนัก”

พูดถึงความเซ็กซี่เห็นเดี๋ยวนี้เรามีสแกนเบลอหน้าอกตอนลงรูป?
”พอบุ๋มเบลอก็มีคนจับประเด็นว่าบุ๋มประชดใครหรือเปล่า พูดตรงๆ ว่ารูปนั้นพี่ลงก่อนที่น้องจะไปเดินนะคะ ดังนั้นอย่าดึงมารวมประเด็นกันพี่ไม่ได้ประชดน้องๆ นะคะ ไอที่พี่เบลอพี่แค่อยากจะโชว์ว่าฉันมีคนของฉันแล้ว ฉันมีแฟนของฉํนแล้ว ฉันแค่อยากจะอวดว่าฉันมีคนหวง อย่าไปจับประเด็นว่าฉันไปประชดใคร คือเวลาไปตามงานเขาก็โอเคนะ แต่เวลาลงรูปเล่นอะไรแบบนี้เขาก็ขอให้สแกนนิดหนึ่ง ตอนแรกเขาก็บอกให้หาอะไรปิดนิดหนึ่งแล้วเราก็แกล้งเขาว่าแบบนี้ได้ไหมแต่เขาบอกว่าแบบนี้ได้เราก็เลยเอารูปแบบนี้ลงเท่านั้นเอง เป็นการเล่นกัน 2 คน”


เขาหวงมากขนาดไหน?
”เขามีหึงแทนด้วยนะ คือตอบบ่อยกว่าตัวบุ๋มอีก(หัวเราะ) จนตอนนี้งงแล้วว่าตกลงเป็นของใครกันแน่ แต่ก็ต้องขอบคุณเขาที่เขาเข้าใจเราและคอยปกป้องเราเพราะหลายๆ คนเขาเป็นนักเลงคีบอร์ดไม่รู้เรื่องอะไรก็อยากจะด่าเอาไว้ก่อนเขาก็มาปกป้องเรา"

แล้วอีกกรณีหนึ่งในเรื่องดีเจแมนที่เกี่ยวกับเล่นนอกบท?
"อันนี้ขอเคลียร์ก่อนว่านอกบทก็จริงแต่เป็นการทำตามที่ผู้กำกับสั่งไม่ใช่ว่าจู่ๆ เขาก็ทำนอกบทอะไรแบบนี้ ก็บอกให้รู้เอาไว้นะคะเพราะพี่ไม่อยากมีปัญหากับใบเตย ทุกๆ คนก็น่าจะรู้ว่าบุ๋มเป็นคนแรงแต่บุ๋มไม่เคยมีปัญหากับใครนะ บุ๋มก็ทำงานของบุ๋ม เราไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวทั้งของเราหรือของใครมายุ่ง ในวันนั้นที่เป็นข่าวบุ๋มคิดว่าคงเป็นคนในกองที่จับความไม่หมดแล้วเอามาเล่าจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้กระแสน้องๆ แอนตี้ใบเตยก็มาโพสต์กระหน่ำอินสตาแกรมบุ๋มเต็มที่ ก็ต้องขอบคุณสำหรับความรักแต่ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่ต้องไปด่าเขา อย่าเอาแม่ไปเกี่ยวเลย(หัวเราะ) ที่คนสนใจอาจจะเป็นพราะเขามีข่าวเก่ากับเปิ้ลไอริณอยู่ ก็เอาเป็นว่าแมนเล่นนอกบทจริงแต่เป็นเพราะผู้กำกับสั่ง ใบเตยก็อยู่ตรงนั้น พี่ไม่เกี่ยวนะ อย่างเอาไปเกี่ยวข้องเลยค่ะ"

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เจมี่ เปิดใจขอโทษทำหวอโผล่กลางงาน ปัดสร้างกระแสเรียกงาน

หลังจากที่นักแสดงสาว เจมี่ บูเฮอร์ สร้างความฮือฮาด้วยการอวดจีสตริงสีดำตั้งใจโชว์ของดีกลางงานประกาศผลรางวัล “สยามดารา สตาร์ อวอร์ด 2014″ จนโดนกระแสสังคมจวกยับและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการแต่งตัวที่ไม่เหมาะสมเน้นโชว์ของสงวนเกินงาม 


แม้ว่า เจมี่ จะเตรียมตัวเตรียมใจรับกระแสด้านลบอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่าตนแต่งชุดซอร์ฟมาก มาในคอนเซ็ปต์ “กลัวโป๊”  แต่ภายหลังภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่และมีการแชร์กันไปว่อนเน็ตเพียงชั่วข้ามคืน เจมี่ก็โดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมากมาย


ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจมี่ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจผ่านรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน ที่สตูดิโอ 2 บมจ.อสมท. พร้อมยกมือไหว้ขอโทษที่ภาพดังกล่าวกระทบความรู้สึกและขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของไทย พร้อมเปิดใจว่า

“ก็ขอโทษประชาชน ผู้ใหญ่ทุกคน และทุกคนที่เข้ามาคอมเมนต์นะคะ ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ที่เป็นต้นเหตุให้มีภาพไม่เหมาะสมออกไป เจมี่ ก็รู้สึกเสียใจมาก บางทีภาพมันดูโป๊ไปหน่อยหนึ่งค่ะ ตอนแรกก็ทำใจมาก่อนอยู่แล้วว่าต้องมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบ แต่ส่วนตัวหลังออกจากงานเมื่อคืนจนถึงตอนเช้า ได้เห็นภาพของตัวเอง ภาพที่ช้อนขึ้นมาแว่บรู้สึกว่ามันแรง มันโป๊มากๆ เลย”

“เรื่องชุดก่อนออกงานเราก็จะมีคอสตูมมีเมกอัพ ชุดคิดกันหลายคนดีไซน์กันหลายคน ที่บอกว่า เจมี่ เลือกเอง 8 ชม. คือเจมี่เป็นหนึ่งในทีมงานที่ไปเดินเลือกด้วยกัน หลายชุดมากที่เอามาลอง ว่าชุดไหนจะเหมาะสม ชุดไหนใส่แล้วพี่ๆ สื่อมวลชนจะชอบ ชุดไหนเจ้าของงานจะแฮปปี้ โจทย์มันก็หลากหลายอย่างมาก แล้วไปเลือกด้วยตัวเองด้วย”

“พูดกันตรงๆ จุดขายของชุดนั้นคือขาด้านขวาที่ผ่าขึ้นมา ทำให้เห็นว่าขาเรียว เล็ก ผอม จริงๆ ตั้งแต่ไปออกงานแรก เรารู้สึกว่ามีทั้งกระแสบวกและกระแสลบออกมา งานนี้อยากทำให้โป๊น้อยลงกว่าคราวที่แล้ว นี่เป็นจุดมุ่งหมายเลยค่ะ ก็เลยผ่าขึ้นมาข้างเดียวเห็นขาข้างเดียว แต่กลายเป็นว่าโป๊กว่างานที่แล้ว เพราะก่อนออกงานมีการลองโพสต์ว่าเราจะใช้โพสต์ไหนดี ลองเดินดู คิดว่าอย่างนี้โอเคแล้ว”

เผยมีคอมเมนต์ว่าชุดไม่เซ็กซี่ ทำให้พยายามโพสต์หน้ากล้องมากขึ้นจนเลยเถิด
“เอาเป็นความผิดของเจมี่แล้วกันนะคะ เวลาที่เราถ่ายรูปเราโฟกัสที่กล้องอย่างเดียว พอคนบอกว่าโพสต์หน่อยบิดหน่อย เราก็โฟกัสที่กล้อง เราไม่เห็นว่ากระโปรงจะเปิดมากแค่ไหน เพราะตอนแรกก็ไม่มีใครบอกว่าชุดไม่เหมาะสม แต่มีคอมเมนต์มาตอนเดินพรมดำก่อนขึ้นชั้นบน มีคอมเมนต์ว่าทำไมวันนี้แต่งตัวไม่เซ็กซี่เลย เราก็รู้สึกว่าเราธรรมดาไปหรือเปล่า ชุดที่เรากะไม่ให้โป๊อาจเรียบร้อยมากเกินไป เวลาอยู่ต่อหน้ากล้องเราเลยพยายามมากขึ้น”

“คือเราต้องทำงานให้เต็มที่ เวลารับงานเราต้องทำให้เป็นสีสันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกอย่างทำเพื่อความบันเทิงเป็นสีสัน แต่พอกระแสออกมาภาพออกมา มันเกินคำว่าบันเทิงและสีสันไป”

มีคนว่ากลับมาทวงบัลลังก์ความเซ็กซี่?
“ไม่ต้องทวงบัลลังก์ค่ะเพราะเจมี่ไม่เคยมีภาพเซ็กซี่ก่อนอยู่แล้ว ไม่เคยถ่ายอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ยุคนี้เปลี่ยนไปการเซ็กซี่ในยุคโน้นเป็นเรื่องรุนแรงแต่ยุคนี้เป็นเรื่องสวยงาม ไม่ได้พรีเซ็นต์ว่าเรากลับมาเซ็กซี่ แต่อยากพรีเซ็นต์ว่าเรารูปร่างดีมากกว่า”

บางคนว่าขโมยซีนเรียกงาน?
“สำหรับเรื่องขโมยซีนเป็นไปไม่ได้ ทุกคนมีคาแรกเตอร์ มีคอนเซ็ปต์ของตัวเองออกมา แม้แต่ดาราที่เขามาเข้าชิงรางวัลเขาก็มีบทบาทของเขา เจมี่ก็มีบทบาทของเจมี่ที่ออกมาในวันนี้ เจมี่ไม่เคยคิดไปถึงขั้นว่าใครจะมาไม่มามันเป็นเรื่องของคุณ วันนี้เราไปเราต้องทำอะไรบ้างเราก็ทำให้เต็มที่แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องเรียกงานเรียกกระแสก็ไม่ได้มองไกลขนาดนั้น เราอยู่กับงานโฟกัสกับหน้าที่ของเราตรงนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด ผลจะเป็นยังไงอยู่ที่คนอื่นๆ”

เผยยังไม่มีงานติดต่อ นอกจากรับโทรศัพท์จากนักข่าวจนสายแทบไหม้
“ตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนมาที่ไนน์เอ็นเตอร์เทน ยังไม่ว่างจากการรับโทรศัพท์เกินหนึ่งชม.เลย มีรับจากพี่ๆ สื่อมวลชน 99 เปอร์เซ็นต์ งานโชว์ตัวยังไม่มีค่ะ ส่วนที่บอกว่าเราตั้งใจขายผลิตภัณฑ์ก็ใช่ค่ะ เราเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์หนึ่งอยู่ เวลาเราแต่งตัวไปงานก็ให้เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่เราเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ต้องโชว์ความผอมอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เอาเป็นว่าเป็นความผิดของเจมี่เองดีกว่า ชุดก็มีช่วยๆ กันเลือกอยู่แล้ว ต่อไปคงไม่ขนาดนี้”

ลั่นขอโทษที่ทำให้คนไทยรู้สึกไม่ดี
“วันนี้เจมี่ไม่อยากพูดอะไรมาก อยากขอโทษอย่างเดียวขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพที่ออกไปค่อนข้างรุนแรง แล้วกระทบความรู้สึกคนไทยและขนบธรรมเนียมที่มีมา เราไม่เคยคิดว่าภาพจะรุนแรงขนาดนี้ ขอพูดเท่านี้ดีกว่าค่ะ”

ยันโพสต์ “ไม่เคยแอ๊บใสต่อหน้ากล้องเหมือนดาราบางคน” แค่สีสัน ไม่ตั้งใจเหน็บใคร
“อันนั้นโพสต์ตั้งแต่งานที่แล้วโพสต์เพื่อเป็นสีสันมากกว่าต่อจากกระแสคราวโน้นค่ะ คนที่ดูแรงๆ ไม่มีอะไรแต่คนเรียบร้อยอาจเปรี้ยวนิดหนึ่ง ไม่ได้จงใจกัดใครค่ะ ต่อไปก็คงต้องระวัง จากที่เคยรู้สึกว่าคอนเซ็ปต์มีอะไรที่แปลก กับของเดิมๆ ที่ทำมา เราอาจฉีกแนวออกไปก็คงไม่แล้วค่ะ คงเป็นไปอย่างที่เขาใส่ๆ กันค่ะ”

“ต่อไปถ้ามีงานติดต่อมาก็ต้องดูคอนเซ็ปต์ค่ะ ดูว่าออกมาแล้วมีผลลบหรือผลบวกกับเรา ทีนี้โจทย์ที่เราต้องคิดต่อไปว่างานนี้ออกไปจะลบหรือบวกกับเราแบบนี้มากกว่า”

ปัดอยากเป็นไอดอลเด็กรุ่นใหม่ วอนอย่าเลียนแบบ
“ที่บอกว่าอยากเป็นไอดอล หมายถึงคนที่มีวิชาชีพภาพลักษณ์เซ็กซี่ออกมา ไม่ได้หมายถึงเยาวชนทุกคนจะต้องทำแบบเรา มันไม่ใช่ เราไม่ได้อยากให้ใครเลียนแบบ ส่วนกระแสด้านลบเดี๋ยวมันก็ผ่านไปค่ะ”

ที่มา   Rakdara, Siamdara