วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

แตงโม แจงเหตุฉะแฟนคลับอวดฉลาด

จากเหตุที่ว่า แตงโม ภัทรธิดา ได้ต่อว่าแฟนคลับที่เข้ามาชมรอยสัก โดยตอกกลับว่า ไม่ชอบคนอวดฉลาด จนเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างหนักในโลกเซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ทำให้มีคนติดแท็กคำว่า #สงสารเฮียเมียปากหมา ไว้หน้าข้อความที่อ้างถึงแตงโมและพฤติกรรมของเธอ



ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2556 โดยได้มีแฟนคลับคนหนึ่ง เข้ามาพูดคุยกับแตงโม ภัทรธิดา ว่า "พี่โมสักสวยจัง" ทำให้แตงโมตอบไปว่า "เอารูปมาแชร์กันบ้างสิคะ" หลังจากนั้น แฟนคลับคนดังกล่าวก็ตอบกลับว่า "อ่อ ไม่มีหรอกครับ พอดีเห็นในไอจีพี่โก๊ะ อยากสักมั่งอะครับ" และข้อความนั้นถึงกับทำให้แตงโมโกรธ และโต้ตอบกลับไปว่า "เลยพิมพ์มาว่ากูรู้มากกว่าคนอื่น ดูเท่อะไรงี้ มันเกี่ยวกับรูปยังไงคะ เห็นที่ไหนพิมพ์ที่นั่นเลยค่ะ ในนี้ไม่ต้องการคนโชว์ภูมิ"

ทำให้แฟนคลับคนนั้นโต้ตอบแตงโมกลับไปว่า
"โหพี่ คุยกันอย่างนี้เลยเหรอครับ ผมชอบพี่ ติดตามผลงาน ทำไมคุยกันอย่างนี้อะครับ"
และแตงโมก็ตอบกลับไปว่า
"พี่ไม่ชอบคนอวดฉลาด จบมั้ย? ขอโทษนะคะ น่าจะรู้ว่าพี่เป็นคนตรง ๆ ไม่ต้องติดตามก็ได้ค่ะ พี่เป็นแบบนี้แหละ ตัวพี่เองหรือเพื่อน ๆ ยังไม่มีใครทำ น้องทำไปเพื่ออะไรล่ะคะ ในเมื่อรูปนี้ไม่มีอะไรเลย และที่นี่ก็ไม่มีรางวัลสำหรับคนที่ไม่รู้เวลา พิมพ์ไม่รู้กาลเทศะ เจ้าของงานเขายังไม่แตะพี่เลยน้องคนเก่ง"

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีคนทักท้วงในเรื่องนี้ไปถึงแตงโม ทำให้ แตงโม ภัทรธิดา ชี้แจงผ่านอินสตาแกรม เหตุฉะแฟนคลับว่า คุณ nontachai กับโมไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแล้ว น้องเขาก็ขอโทษแล้ว เพราะเขาเองก็เข้าใจในสิ่งที่โมหมายความถึง และโมก็ขอบคุณ 2 ประโยคดี ๆ นั้น ทำไมไม่เอามาด้วยล่ะคะ และต้องขออธิบายว่า เพราะอะไร โมถึงต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้ต่อน้องเขา

1. เรื่องการสักไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่โมจำเป็นต้องมาประกาศ พี่โก๊ะเจ้าของงานที่ลงรูปสักของโม ก็ทำไปตามธรรมชาติที่จะต้องโชว์ผลงานของเขา จึงโพสต์รูปเอาไว้ในไอจีของตัวเอง แต่สังเกตไหมคะว่าเขามีมารยาท ทราบว่าโมไม่ได้เปิดเผยในไอจีตัวเอง จึงไม่มีการแท็กมาแต่อย่างใด แต่มันจะถูกเปิดเผยเมื่อใดก็ได้ ซึ่งโมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร และไม่คิดที่จะปิดบัง (ถ้ามันเป็นเรื่องที่รู้ต่อ ๆ กันโดยธรรมชาติ)

2. เมื่อน้องมาคอมเม้นท์ว่า "สักสวยจังนะครับ" ในรูปที่ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย นั่นคือผิดธรรมชาติ อยากให้ทุกคนลองนึกดี ๆ นะคะ ว่าการที่น้องเขาไปเห็นภาพมาแล้วไม่ชื่นชมภาพนั้น แต่มาพิมพ์โพล่ง ๆ ในที่ที่ไม่ได้มีการนำเสนอเรื่องการสักจากเจ้าของไอจีแต่อย่างใด มันอ่านกันไม่ยากนะคะว่า เจตนาชื่นชมจริง ๆ แล้ว มันมีเจตนาแฝงอยู่ด้วยคือ อยากจะบอกในเชิงผมรู้นะว่าพี่ไปสักมา น้องเขารู้ว่าพิมพ์มาแล้วต้องมีคนถามต่อไปว่า ไหนคะพี่ รู้ได้อย่างไร เอารูปมาดูหน่อยสิคะ เป็นการเรียกร้องความสนใจโดยไม่รู้ตัว พบมากในหมู่วัยรุ่น เพราะถ้าจะบอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับชื่นชมขนาดนั้น ก็ชมเรื่องผลงานการแสดงสิคะ แต่ตัวน้องก็ไม่ใช่แฟนคลับตัวยงอะไรแบบนั้น มันจึงเกิดประโยคที่โมส่งไปเช็กยังไงคะว่า "เอารูปมาแชร์กันบ้าง" เพื่อดูคำตอบของน้องว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร แล้วก็เป็นอย่างที่คิดคือ "ไม่มีอะไรครับ ไปเห็นมา" นี่ไงคะ ไม่ได้ปลาบปลื้มอะไร แต่อยากจะโชว์คนอื่นว่าผมรู้ครับ เพราะถ้าตามธรรมชาติคนที่ชื่นชมและอยากสักจริง คงไม่ต้องถึงไอจีโมหรอก คงพิมพ์ปรึกษาและนัดคิวตั้งแต่ในไอจีพี่โก๊ะแล้ว ในเมื่อโมรู้ทันความคิดคน โมขอพูดตรง ๆ โดยส่วนตัวแล้ว โมไม่ชอบ เด็กโชว์ภูมิ นอกจากจะไม่น่ารักแล้ว ยังดูไม่รู้จักกาลเทศะอีกด้วย จึงได้มีการตำหนิไปด้วยถ้อยคำสุภาพ นอกจากคำว่า กู ที่ใช้เรียกแทนตัวเอง ที่มันอาจจะดูรุนแรง เพราะมันคือความจริงเกินไปหรือเปล่าคะ ถ้ามันฟังไม่รื่นหูหรือไม่ถูกใจใครหลาย ๆ คน หรือไม่ถูกใจน้อง  ที่พี่อ่านพฤติกรรมน้องออก ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ 

หลายคนถามว่า ทำไมไม่ลบทิ้งซะแล้วไม่ต้องตอบโต้อะไร ทำแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่โมอยากให้เข้าใจว่า โมก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมีอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง ได้เช่นกัน พอถึงตอนนี้ คนที่อยากจะคอยเหยียบซ้ำก็ฉวยโอกาสโผล่ขึ้นมาด่ากันมากมาย ลืมเรื่องดี ๆ อีกหลายเรื่องที่โมได้ทำอยู่เป็นประจำ คนที่รักก็คอยเตือน คนที่เกลียดก็จ้องแต่จะจับผิด คอยแอบส่องชีวิตโมตลอดเวลา เหนื่อยไหมคะ กับการแปลงพลังงานความเกลียดชังริษยา มาเป็นคำพูดหยาบ ๆ คาย ๆ ที่สุดท้ายแล้ว มันก็เหมือนกระจกสะท้อนตัวคุณเอง วันหนึ่งเรื่องนี้จะหายไป โมก็จะทำงาน ดูและพ่อ ดูแลพี่โน่ ดูแลทุกคนที่โมรักและรักโมต่อไป แต่ความเกลียดชังก็ยังคงเป็นตะกอนสร้างทุกข์ในใจของคุณอยู่อย่างนั้น เห็นโมได้ดีก็เจ็บ เห็นโมพลาดก็เป็นโอกาสที่จะได้ดึงสัญชาตญาณดิบออกมาใช้ ไม่เห็นมีประโยชน์ต่อจิตใจคุณสัก ทาง ก็นานาจิตตังนะคะเรื่องพวกนี้ อยากด่ามาด่าในนี้เอาให้สบาย ด่าให้เบาใจไปเลย โมจะได้บล็อกทีเดียว เปิดโอกาสให้ระบายแล้วนะคะ ทำให้เต็มที่ และขอโทษสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นค่ะ คำขอโทษดี ๆ จากโมเปิดใจรับกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เรื่องเกิดในนี้ขอให้จบในนี้นะคะ ก๊อบปี้ได้ ทำข่าวได้ พาดหัวข่าวได้ แต่ขออนุญาตไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกนะคะ เพราะไม่ได้ตั้งใจให้ตัวเองอยู่ในกระแส หรือเป็นกระแสแต่อย่างใดค่ะ

ที่มา กระปุกดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ น้ำยาออกฤทธิ์ เมียท้องแล้ว

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ คอนเฟิร์มกำลังจะมีเนวิเกเตอร์ตัวน้อย หลังจากแต่งงานมานานถึง 4 ปี ล่าสุดโดยภรรยาตั้งท้องได้ 5 เดือน เผยอัลตราซาวด์แล้วเป็นลูกชาย 


ตั้งแต่พระเอกหนุ่ม ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ได้เข้าพิธีวิวาห์กับภรรยาสาว พีช สิตมน เมื่อ 4 ปีก่อน ปัจจุบันติ๊ก อายุ 36 ปี และพีชอายุ 32 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา แฟนคลับของทั้งสองคนต่างก็พยายามลุ้นให้ติ๊กมีน้องเร็ว ๆ แต่เนื่องจากติ๊กเอง ติดภาระหลายอย่าง ทั้งการถ่ายทำรายการเนวิเกเตอร์ ถ่ายละคร และภาพยนตร์ จึงทำให้ ติ๊ก ยังไม่มีน้องเสียที จนทำให้มีข่าวลือออกมามากมายทั้งเตียงหักและอื่นๆ มาล่าสุดมีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ว่า พีช สิตมน ภรรยาสาวสวยของพระเอกหนุ่มตลอดกาล ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี กำลังตั้งท้องได้ 5 เดือนแล้ว ซึ่งทางทีมข่าวช่อง 3 ก็ได้ไปสัมภาษณ์ ติ๊ก เกี่ยวกับเรื่องนี้ถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิ  หลังจากที่ติ๊ก กลับจากการเดินทางไปถ่ายละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยพระเอกหนุ่มก็ยืนยันว่า ภรรยาสาว ได้ตั้งท้องจริง ๆ

ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ยังเปิดเผยต่อไปว่า ตอนนี้ภรรยาท้องได้ 5 เดือนแล้ว และหลังจากที่อัลตราซาวด์ ก็ปรากฏว่าได้ลูกชาย มีกำหนดคลอดในช่วงปีหน้า ประมาณเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมปั้นติ๊กน้อยให้เป็นเนวิเกเตอร์ตามรอยของตนเอง



วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

แม่'ไฮโซน้ำหวานกลัวลูกเครียด สั่งงดรับรู้ข่าวสาร

 แม่ไฮโซน้ำหวาน หวั่นลูกเครียดออกคำสั่งไม่ให้ลูกสาวรับรู้ข่าวสารใดๆ ทั้งสิ้น เผยยังมีอาการฟกช้ำเนื่องจากถูกของแข็งกระแทก และไซนัสกำเริบจนลูกสาวหายใจไม่ออก ตั้งข้อสังเกตุทำไมคู่กรณีถึงไม่ไปแจ้งความตั้งแต่เกิดเหตุ แฉ จิน-จรินทร์ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไม่สมควรพูดกล่าวหากใดๆ ลั่นหลักฐานในภาพวงจรปิดของร้านอาหารอยู่ที่ทนายและตำรวจเรียบร้อยแล้ว ยันไม่ยอมความแน่นอน


เป็นกระแสทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ และเป็นที่จับตามองอย่างมากกับกรณีของ ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น ได้ส่งทนายเข้าแจ้งความว่าถูก แนน ชุมพิชา พัฒนาหิรัญ น้องของดาราสาวชื่อดัง หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ ใช้โทรศัพท์มือถือตบหน้า โดยยืนยันว่า ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล จากนั้น แนน-ชุมพิชา ก็ได้เข้าแจ้งความกลับ ไฮโซน้ำหวาน ข้อหาชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายทันที พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ ไฮโซน้ำหวาน พูดไม่เป็นความจริงอีกด้วยนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปอัพเดตความคืบหน้าเรื่องอาการบาดเจ็บของไฮโซสาว น้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น จาก คุณแม่อำไพพรรณ พันธุ์คงชื่น ซึ่ง คุณแม่อำไพพรรณ ก็ได้อัพเดตอาการเจ็บของลูกสาวให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า
''เรื่องแผลตอนนี้ก็ทายาอยู่ค่ะ ยังคงเป็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ อยู่ ก็ต้องพยายามทายา แต่เมื่อคืนน้ำหวานหายใจไม่ค่อยออก คือต้องบอกก่อนว่าตัวน้องน้ำหวานเค้ามีอาการเป็นโรคไซนัส เป็นโรคประจำตัวอยู่แล้วด้วย แล้วคุณหมอมาตรวจอาการก็พบว่าเหมือนอาการไซนัสกำเริบ เรื่องจากไปกระแทกโดนของแข็งจนอักเสบขึ้นมา ตอนนี้คุณหมอก็จะดูแลเรื่องอาการไซนัสที่กำเริบขึ้นมามากกว่าค่ะ แล้วก็จะมีตรงตาที่ยังช้ำอยู่ และข้างในตาน้องน้ำหวานก็ยังมองเห็นเป็นฝ้าๆ เป็นภาพซ้อนอยู่บ้าง เราก็รักษาไปตามอาการ ก็ทายา รักษาตามปกติ ตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ''

คุณแม่ยังกังวลในเรื่องอาการบาดเจ็บของลูกสาวตรงไหนอีกหรือเปล่า?
''ไม่กังวลอะไรเลยค่ะ คือคุณแม่เองก็ได้คุยกับหมอ คุยกับเพื่อนๆ ที่เป็นหมอบ้างแล้วนะคะ อย่างเรื่องอาการที่ตาที่จะเห็นเป็นภาพซ้อนอยู่แล้ว เพราะโดนกระแทก ก็จะต้องใช้ระยะเวลาการฟื้นตัวเอง แต่ในระยะยาวอาจจะมีเอฟเฟกต์จากอาการตรงนี้ก็ได้นะคะ ถ้าคุณแม่จะห่วงก็คงจะห่วงน้ำหวานเพียงอย่างเดียวแหละค่ะ ห่วงความปลอดภัยว่า ใครจะมาทำร้ายลูกเราอีกหรือเปล่า ตอนนี้คุณแม่ก็ไม่ให้น้ำหวานไปไหน หรือเจอหน้าใคร หรือคุยโทรศัพท์ เล่นโทรศัพท์กับใครทั้งนั้นเรียกว่า ปิดหูปิดตาเค้าหมดเลย ไม่ให้ดูข่าว ไม่ให้ดูทีวีเลยค่ะ เพราะไม่อยากให้เค้ากังวล ไม่อยากให้เค้าต้องมารับรู้กับเหตุการณ์ที่มันไม่เป็นความจริง ซึ่งเค้าจะรับไม่ได้อย่างแน่นอน โทรทัศน์ก็ไม่ให้ดูเลยค่ะ ให้เค้าดูแต่ซีรีส์เกาหลี เปิดวิดีโอให้เค้าเท่านั้นเอง''

สภาพจิตใจของ น้ำหวาน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
 ''อย่างที่คุณแม่บอกไปนะคะว่า เราไม่ให้น้องน้ำหวานเจอหน้ากับใครเลย ไม่ให้รับโทรศัพท์ใครเลย เค้าก็มีความสุขดีอยู่ ก็ยังไม่ได้กังวลเรื่องอะไร เค้าก็นอนดูซีรีส์, ดูหนังที่คุณแม่เปิดให้เค้าดูไปค่ะ''

นอกจากนั้น คุณแม่อำไพพรรณ ยังได้ตั้งข้อสังเกตกับผู้สื่อข่าวอีกด้วยว่า
''วันเกิดเหตุทำไมเค้าถึงไม่ไปแจ้งความทันทีล่ะค่ะว่าถูกชิงทรัพย์ ถ้าเค้าถูกทำร้ายทำไมเค้าไม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลล่ะค่ะ ทำไมเค้าถึงกลับบ้านไปเลย ทั้งๆ ที่ร้านอาหารกับ สน.ทองหล่อ อยู่ใกล้กันนิดเดียวเองนะคะ นี่คือข้อสังเกตที่คุณแม่ตั้งขึ้นมาเฉยๆ มันแย้งกับสิ่งที่เค้าพูดออกมา ซึ่งมันผิดวิสัยของคนที่โดนทำร้าย โดนแย่งชิงทรัพย์ ว่า ทำไมเค้าไม่แจ้งความ คือถ้าน้ำหวานไม่แจ้ง เค้าก็คงไม่แจ้งใช่ไหมค่ะ อีกอย่างคำพูดของคุณจินที่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ คุณแม่บอกเลยนะคะว่า คุณจินไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เพราะฉะนั้นคุณจินจะพูดอย่างนั้นไม่ได้''

เห็นว่ามีหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารดังกล่าวใช่หรือไม่?
''มีค่ะ...ทุกอย่างอยู่ที่ทนายความและตำรวจหมดเรียบร้อยแล้วค่ะ เห็นหมดว่า ใครเดินอยู่ทางไหน ใครเข้ามาด้านไหนทำให้น้ำหวานเขว ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนตามกฎหมายทั้งหมด เราแจ้งความครั้งนี้เราไม่มีประเด็นเรื่องชู้สาวนะคะ เราแจ้งความในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ถูกประชาชนอีกคนหนึ่งทำร้ายร่างกาย เราไม่ได้เอาความเป็นไฮโซ หรือความเป็นดารามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหลักฐานทุกอย่างมีครบ คุณแม่ไม่กังวลอะไรแล้วค่ะ เพราะหากแจ้งความเท็จก็เป็นคดีเหมือนกันนะคะ ถามว่า ทางคู่กรณีมีติดต่อเจรจาไหม...ไม่เลยค่ะ ถึงติดต่อมาคุณแม่ก็ไม่คุย ไม่ยอมอยู่แล้ว ขอเจอที่ศาลอย่างเดียวเลยแล้วกันค่ะ''

ที่มา สยามดารา

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

แคท น้ำตาคลอเผยพ่อผ่ามะเร็งอาการทรุด เครียดหาเงินเป็นค่ารักษา

แคท แคทรียา อิงลิช เครียดหนัก หลังคุณพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองอาการทรุดต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องพยายามทำงานให้มากที่สุดเพื่อหาค่ารักษาสูงถึงเดือนละสี่แสน


ล่าสุดพอมีโอกาสเจอตัวสาวแคทมาร่วมงานแถลงข่าวละครเวทีลางลิง ที่ลานกิจกรรมเดอะ ซีน ผู้สื่อข่าวจึงรีบเข้าไปซักถามทันที แต่พอเริ่มถามคำถามแรกก็ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาคลอ พร้อมเปิดเผยว่า
''คุณพ่อตอนนี้อาการทรุดนิดนึง คือหมอจะให้สแกนทุก 3 เดือน สแกนอยู่เรื่อยๆ หลังจากทำครีโมเสร็จไป 3 เดือนก็มาสแกนอีกก็ปรากฏว่ามะเร็งกลับมา ขึ้นที่เดิมและใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเพิ่งผ่าไปเมื่อ 3 วันที่แล้ว ตอนนี้คุณพ่อก็อยู่โรงพยาบาล ท่านก็งงว่าทำไมมันกลับมา ก็คือเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่มีวันหาย คุณหมอก็บอกให้ทำใจ คือจริงๆ แล้วถ้าคนที่ทราบเรื่องมะเร็งชนิดนี้จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แต่นี่คุณพ่ออยู่มาได้ปีกว่าแล้ว และหมอก็บอกคุณพ่ออาการดีขึ้น พอผ่าเสร็จพ่อก็ออกจากห้องไอซียูเลย คือฟื้นได้เร็วกว่าคราวก่อน แต่ว่าคุณพ่อจะมีอาการวูบบ่อย คือจะเวียนหัวมากๆ จะต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา จะไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างที่จะลำบากมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว และคุณพ่อก็เหมือนใจไม่สู้แล้ว แต่เราก็
จะคอยบอกตลอดเวลาให้สู้ จะพยายามให้กำลังใจ''

ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
''ก็พยายามให้คุณพ่ออารมณ์ดีและตัวของเราก็พยายามให้กำลังใจตลอด คอยบอกให้สู้ เมื่อวานพ่อก็ร้องไห้บอกว่าพ่อขอโทษ พ่อไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากให้เป็นภาระกับใคร แต่เราก็บอกกับพ่อว่าไม่ได้เป็นภาระให้ใครเลย ทุกคนอยากให้อาการพ่อดีขึ้น อยากให้พ่อสู้ พ่อไม่ต้องมาขอโทษ คือมันเป็นมะเร็งชนิดที่ไม่มีทางหาย แล้วตั้งแต่แรกหมอเขาก็บอกให้ทำใจแล้ว ซึ่งเราก็ทำ แต่เราไม่เอา เราจะมายอมแพ้ง่ายๆ เราจะพยายามพยุงให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้สิ่งที่กังวลใจที่สุดคือค่ายา หลังจากนี้เดือนละ 4 แสน ตอนนี้สงสารคุณพ่อมาก ไม่อยากให้พ่อมีความรู้สึกใจไม่สู้แล้ว เพราะผ่าอีกครั้งมันก็ยังกลับมาอีก แล้วทำไมมันขึ้นที่เดิมและยังใหญ่กว่าเดิมด้วย ซึ่งมันเป็นส่วนของสมองที่ไม่มีผลกระทบกับร่างกายเท่าไหร่ แค่เรื่องสายตาข้างซ้ายที่จะมองเห็นด้านหน้าอย่างเดียว มองไม่เห็นด้านข้างแล้ว ก็เป็นห่วงคุณพ่อมาก ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลยังไงแคทก็ต้องรับงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะตอนนี้เราก็เหมือนเป็นหัวหลักของครอบครัว เราก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุดงานทุกอย่างตอนนี้แคทยินดีทำ และจะพยายามทำให้ได้มากที่สุด''

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

กุ๊บกิ๊บ เผยยังไม่อยากรู้ตัวเจ้าของช่อกุหลาบแดงปริศนา

กุ๊บกิ๊บ รับได้กุหลาบสีแดงช่อโตเซอร์ไพรส์วันเกิดจริง คงไม่ใช่ของมาริโอ้ ส่วน พี่พิชญ์ แค่ส่งข้อความมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เฉยๆ ไม่หวั่นอาถรรพ์เบญจเพส เพราะทำบุญเรื่อยๆ อยู่แล้ว


กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ตลอดๆ ล่าสุดก็ได้รับช่อดอกไม้ปริศนาเป็นกุหลาบสีแดงช่อโต ในวันเกิดอายุครบ 25 ปี เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนสงสัยว่าเป็นของอดีตแฟนหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ ส่งมาให้หรือเปล่า พอเจอตัวก็เลยได้สอบถามก็ได้ความมาว่า

"ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าใคร แต่เป็นร้านส่งดอกไม้ค่ะ แล้วในช่อดอกไม้ก็ไม่มีการ์ดเขียน มีแต่คนบอกว่าฝากมาให้"

คิดว่าเป็น ''มาริโอ้'' หรือเปล่า?
"คิดว่าไม่น่าใช่ คงไม่ใช่ค่ะ"

มีใครมาแสดงตัวแล้วหรือยัง?
"ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาแสดงตัว"

สงสัยใครเป็นพิเศษไหม?
"ถามว่าสงสัยคนใกล้ตัวไหม ก็ไม่ค่ะ กิ๊บเองก็ยังไม่อยากรู้ค่ะ หาภาระให้ตัวเองอยู่เฉยๆ ก่อน ใครให้มาก็ขอบคุณและกัน"

แล้วหนุ่ม ''พิชญ์ กาไชย'' มีให้ของขวัญหรือเปล่า?
"วันเกิดปีนี้พี่พิชญ์ก็ไม่มีของขวัญค่ะ ส่งมาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เฉยๆ ปกติ กิ๊บคงไม่มีขอของขวัญค่ะ พี่พิชญ์ไม่มีอะไรเลยไม่อยากเอาเข้ามาเกี่ยว"

ส่วนหนุ่มมาริโอ้มีส่งข้อความมาเบิร์ธเดย์ไหม?
"ไม่ได้ส่งข้อความมาอวยพรค่ะ"

เราน้อยใจไหม?
"ก็ไม่น้อยใจค่ะ ปกติ ไม่ได้น้อยใจอะไรเลย"

เรื่องหัวใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
"ว่างค่ะ โสดค่ะ เปิดแต่แค่ยังไม่มี ก็สวยอ่ะ ต้องเลือกนิดนึง (หัวเราะ) ไม่ค่ะ ปกติ เหมือนที่บอกตอนนี้ไม่อยากมีภาระ ดูๆ ไป อยู่คนเดียวก็ดีนะ เบาๆ สบาย"

อายุเข้า 25 ปี หวั่นอาถรรพ์เบญจเพสหรือเปล่า?
"ไม่รู้นะ มันก็มีทั้งดีและไม่ดี กิ๊บก็ไม่รู้โดนจัดหนักมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว กิ๊บคิดว่าไม่น่าจะมีหนักไปกว่านี้แล้ว (หัวเราะ) ส่วนจะไปทำบุญไหม จริงๆ กิ๊บเป็นคริสต์คาทอลิก ไปทำบุญเรื่อยๆ อยู่แล้ว ไปช่วยเหลือเด็กมาเรื่อยๆ เท่าที่จะทำได้ ไม่มีไปเสริมดวงค่ะ คนคริสต์จะไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ จะปล่อยไปตามเรื่องตามราว ตอนนี้ก็กำลังดี ทำงานอาจจะต้องระวังอุบัติเหตุ เรื่องสุขภาพหน่อย"

ที่มา สยามดารา

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

ปันปัน เผยสภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังไม่ขอรับงาน

หลังจากสาวน้อย ''ปันปัน'' สุทัตตา อุดมศิลป์ ตกเป็นข่าวฉาวพัวพันยาเสพติดกับภาพหลุดหน้าคล้ายในลักษณะกำลังเสพยาไอซ์ออกมาว่อนอินเทอร์เน็ตเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวโด่งดัง ส่งผลให้ นายสุรศักดิ์ อุดมศิลป์ ผู้เป็นพ่อที่ออกมายืดอกรับและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นดาราสาวปันปันก็เก็บตัวเงียบ และเมื่อไม่นานมานี้ยังมีภาพหลุดขณะปาร์ตี้ในผับออกมาซ้ำเติมเธออีกครั้ง 


ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2556 ที่งาน ''ไนน์เอ็นเตอร์เทน เฟสติวัล'' ณ ลานพาร์คพารากอน กรุงเทพฯ ดาราสาว ''ปันปัน'' ได้ควงคุณพ่อมาร่วมงานพร้อมทั้งเปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยผู้เป็นพ่อโอบกอดลูกสาวมองหน้าด้วยความเอ็นดูตลอดเวลา

หายหน้าไปสักพัก พอมาออกงานครั้งแรกเป็นอย่างบ้าง?
''ก็ตื่นเต้นมากเลยะค่ะ เพราะว่าไม่ได้ออกมาเจอสื่อนานแล้ว''

สภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นหรือยัง?
''ตอนนี้โอเคขึ้นแล้วค่ะ ก็ต้องขอโทษพี่ๆ ทุกคนนะคะ กับเรื่องที่เกิดขึ้น จะทำตัวให้ดีมากขึ้นนะคะ แล้วสภาพจิตใจตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วนะคะ รักครอบครัวมากขึ้น''

คุณพ่อให้กำลังใจน้องปันปันอย่างไรบ้าง?
''ก็ชีวิตต้องสู้ต่อไปครับ งานนี้ที่มาก็มาให้กำลังใจน้องครับ''
 
จะให้น้องทำงานในวงการบันเทิงต่อไปไหม?
''อยากทำไหม'' (พ่อถามน้องปันปัน)

''ถามพี่ๆ ทุกคนแล้วกัน ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ ส่วนเรื่องการทำงานในวงการนั้นก็ต้องปรึกษาคนในครอบครัวก่อน เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็หนักอยู่ค่ะ'' 

''ตอนนี้ก็ต้องให้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กธรรมดา ไปเรียนหนังสือ กลับบ้าน เรียนพิเศษ''

"ปันปันก็พยายามอยู่กับครอบครัวมากขึ้น แล้วก็พยายามคุยกันมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยมีเวลา ตอนนี้ก็คุยกันแล้วก็แบ่งปันเรื่องราวตอนนี้ก็ไม่มีความลับต่อกันและกัน''

เคยคิดทำร้ายตัวเองหรือไม่?
''ไม่เคยค่ะ เพราะว่าการทำร้ายตัวเองมันจะทำให้พ่อแม่เจ็บกว่าเราอีกค่ะ''

ที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนราคาแพง?
''ก็คิดว่าเป็นบทเรียนครั้งที่ใหญ่ที่สุดค่ะ จากชีวิตที่เคยได้รับมาค่ะ แล้วสัญญากับตัวเองไว้แล้วนะคะว่า ในอนาคตจะทำตัวให้ดีและจะไม่ทำให้ตัวเองต้องทำให้ทุกคนผิดหวังอีกค่ะ จะไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวังอีกค่ะ''

ถามถึงล่าสุดมีภาพหลุดปาร์ตี้ในผับ ช่วยชี้แจงหน่อย?
"อ๋อ...อันนั้นนานแล้วค่ะ ไปวันเกิดเพื่อนแล้วก็ไปกับคุณพ่อ พ่อก็ไปด้วยกัน ในรูปเป็นคนที่ไม่รู้จักกันค่ะ มาขอถ่ายรูป ตอนแรกเห็นภาพงงมากกว่า เพราะว่าเมื่อไหร่เนี่ย จำไม่ได้แล้วค่ะ เราไปแค่แป๊บเดียวแล้วพ่อก็ไปด้วย ไปด้วยกัน เขามาขอถ่ายรูปก็แค่นั้นค่ะ

คุณพ่อเป็นห่วงภาพพจน์ลูกไหม?
''ก็ต้องทำใจเนอะ ภาพเที่ยวผับที่ออกมาไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะว่าผมไปด้วย แต่ยังไงก็ต้องขอโทษนะ แต่ว่ามันเป็นงานวันเกิดเพื่อนเราก็ไป แล้วก็ไปรอรับลูก เราก็ต้องรอรับเพราะว่าลูกก็อยู่ในสายตาตลอด''

คิดว่าเป็นการซ้ำเติมประเด็นเดิมไหมกับภาพในผับที่หลุดออกมา?
''ช่างเถอะ (คุณพ่อพูดพร้อมหัวเราะ)''
''มันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปค่ะ มองอนาคตดีกว่า อย่าไปมองอดีตเลยนะคะ''

ณ ตอนนี้มีงานอะไรติดต่อมาบ้างหรือยัง?
''ตอนนี้ยังไม่ค่อยรับงานค่ะ เพราะว่ายังไม่มีอะไรค่ะ''

ฮอร์โมนภาค 2 จะได้เล่นไหม?
''ที่ผ่านมาเราก็ให้เขาอยู่กับตัวเองสักพักหนึ่งครับ แล้วก็ต้องมานั่งคิดกันอีกทีนึงว่าจะทำยังไงต่อไป จะรับหรือไม่รับยังไงตอนนี้ยังไม่ได้คิดครับ''

ตอนนี้อยากให้โฟกัสเรื่องเรียนอย่างเดียว?
''ควรจะนะ เพราะว่ากำลังจะขึ้น ม.6 เรื่องงานเดี๋ยวค่อยดูอีกทีนะครับ''

ต่อไปจากนี้ได้วางกฎเกณฑ์อะไรกับน้องบ้าง?
''ก็คงต้องทำแหละครับ เพราะว่าเข้มงวดอยู่ แต่ตอนนี้ก็ต้องดูอีกที เพราะว่าเขาก็โตขึ้นแล้ว'' 

แฟนๆของน้องปันปันก็คงต้องรอการตัดสินใจของน้องและครอบครัวต่อไป และหวังว่าคงจะมีน้องโลดแล่นในวงการบันเทิงต่อไป

ที่มา สยามดารา

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

แนน น้อง หนิง-ปณิตา แจ้งความกลับ ไฮโซน้ำหวาน ชิงทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย

แนน น้องสาว หนิง-ปณิตา ยันไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ท้าเอากล้องวงจรปิดออกมาเลย พร้อมแจ้งความกลับ ไฮโซน้ำหวาน พยายามชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ยันมีหลักฐาน อุบรายละเอียดกลัวเสียรูปคดี

ยังคงไม่จบไม่สิ้นสำหรับเรื่องราวของ ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น และสาว หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ โดยไฮโซคนดังได้อ้างว่าถูก แนน น้องสาวของ หนิง-ปณิตา ทำร้ายร่างกาย โดยใช้โทรศัพท์มือถือตบเข้าที่หน้าอย่างแรง จนมีรอยฟกช้ำอย่างเห็นได้ชัดเจน จนตอนนี้ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช และได้นำหนังสือมอบอำนาจ พร้อมหลักฐานให้ทนายเข้าแจ้งเแจ้งความกับ ร.ต.ท.ศิริพงษ์ กิตติภิวัฒน์ พนักงานสอบสวน ที่สน.ทองหล่อ หลังจากไฮโซน้ำหวาน ถูกดาราสาวชื่อดังพร้อมน้องสาวรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เหตุเกิดที่ร้านอาหารฮาวีชั่น ชั้น 1 ซอยทองหล่อ 9 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา โดยเจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น

ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 22 ก.ย. 56 สาว แนน น้องสาวของ หนิง-ปณิตา ได้เดินทางมาถึง สน.ทองหล่อ พร้อมทนายเพื่อแจ้งความกลับไฮโซน้ำหวาน 2 คดีด้วยกันคือพยายามชิงทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย พร้อมกับให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า
''วันนี้มารับสิทธิ์ดำเนินคดีค่ะ แจ้งไว้สองคดีค่ะ พยายามชิงทรัพย์ค่ะและทำร้ายร่างกายค่ะ จากเหตุการณ์ที่มีการพูดถึงตอนนี้ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ และเรื่องของดีเทลจริงๆ อาจจะพูดตอนนี้ไม่ได้เดี๋ยวเสียรูปคดี  ทุกคนต้องมีวิจารณญาณของตัวเองนะคะ ถ้าคนเราอยู่ดีๆเดินไปทำร้ายกันก็คงต้องมีอะไรบางอย่าง เราไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเขา เราไม่เคยไปยุ่งอะไรอีกเลย เราอยู่ของเราเฉยๆ เรื่องของการไปทำอะไร บอกได้เลยว่าคนสติดีๆ เขาไม่ทำกันพูดตรงๆ เลย''

เหตุการณ์ในวันนั้นว่าทางเราได้เอาโทรศัพท์ไปตบหน้าอีกฝ่ายจริงหรือเปล่า? 
''ไม่มีค่ะ ไม่มีการตี เขาตบเอง เราไม่ได้ไปทำเขาก่อนเลย เรามีพยาน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดที่แนนไปกระทำเขาก่อนแน่นอนค่ะ แผลร่างกายเราก็เล็กน้อยค่ะ เรื่องไม่มีอะไรเลยจริงๆ อาจจะเป็นการเข้าใจผิด กระทบกระทั้งกันบ้าง ที่รู้ๆ เราก็เจ็บเหมือนกันค่ะ"

ทางฝ่ายเขาบอกว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิด เราว่าอย่างไรบ้าง? 
''เอาออกมาก็ดีค่ะ ได้รู้ว่าใครเริ่มก่อนค่ะ ไม่กลัวค่ะ ส่วนเรื่องถ่ายคลิปทางแนนไม่ได้ถ่ายค่ะ ในเหตุการณ์มีพี่ชายอาณัฐทวีปหลายคนเหมือนกัน ก็ตามข่าวค่ะ''

ก่อนมาแจ้งความคุยกับพี่หนิงไหม?
''พี่หนิงบอกว่าให้ความจริงอ่ะค่ะ เพราะแนนเชื่อว่าอย่างที่บอกคนให้กำลังใจเยอะมาก เราเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ส่วนของพี่หนิงให้เขามาจัดการของเขาละกันค่ะ''

ตอนนี้คู่กรณีเข้าโรงพยาบาลอยู่รู้หรือไม่อย่างไร?
''โนคอมเมนต์เลยค่ะ ไม่รู้  อย่างที่บอกว่าทุกคนรู้ว่าใครทำอะไร ไม่ทำอะไร ใครจะพูดอะไรก็พูดได้  แนนไม่มีอะไรจะพูด เอาความจริงมาพูดดีกว่าค่ะ แนนเชื่อว่าคนไทยมีวิจารณญาณในการรับชม คอมเมนต์ เห็นได้จากการให้กำลังใจจากทางอินสตาแกรม ทุกคนให้กำลังใจหมดเลย เราก็บอกว่าทุกคนเข้าใจและไม่มีอะไรต้องพูด เราเป็นแบบไหน เราชัดเจนแบบนี้ เราเอาความจริงมาพูดกันอ่ะค่ะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ตอนนี้แนนยังไม่รู้เลยจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า รอให้เกิดขึ้นก่อนเนอะ เดี๋ยวจะบอก ขอพูดอย่างหนึ่งร้านอาหารราคาค่อนข้างสูง คนเยอะด้วย คงไม่ทำแบบนี้ให้ตัวเองแย่  เดี๋ยวให้พี่หนิงมาตอบเองดีกว่าค่ะ''

เมื่อถามถึงเรื่องหลักฐานและการดำเนินคดี ทางด้านทนายได้กล่าวว่า
"ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมายละกันค่ะ ให้พนักงานสอบสวนจัดการดีกว่าค่ะ กลัวเสียรูปคดีครับ ส่วนเรื่องขึ้นศาลไหมต้องรอพนักงานสอบสวนครับ''

ที่มา สยามดารา

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

ไฮโซน้ำหวาน แจ้งจับ หนิง-แนน สองพี่น้อง รุมทำร้ายร่างกาย

ไฮโซน้ำหวาน อ้างถูก หนิง-ปณิตา และ แนน น้องสาว พร้อมพวกบุกทำร้าย ขณะนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ และใช้มือถือตบที่ใบหน้า จนมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าอย่างชัดเจน ให้ทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


กลายมาเป็นข้อพิพาทกันอีกรอบ ระหว่างไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น กับดาราสาว หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ โดยฝ่ายแรกที่นอนซมใบหน้าฟกช้ำ รักษาตัวที่โรงพยาบาล อ้างถูก แนน น้องสาว หนิง ปณิตา ทำร้ายร่างกายโดยใช้โทรศัพท์มือถือฟาดเข้าที่ใบหน้า โดยไม่ทราบสาเหตุที่ร้านอาหารย่านทองหล่อ แถมคู่กรณียังแกล้งล้มให้ดูเหมือนโดนทำร้ายก่อน ได้ให้ทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะที่ทางด้าน หนิง ปณิตา รับไปร้านอาหารเดียวกันจริงกับน้องสาวและเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ไฮโซน้ำหวาน ทั้งนี้ได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายถึงการดำเนินการตอบโต้ ซึ่งอาจจะมีการแจ้งความกลับกับคู่กรณีก็ได้ ขณะที่ แนน น้องสาว หนิง โพสต์ภาพและข้อความผ่านไอจีว่าได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 21  ก.ย.2556  นายสอและ กูมุดา ทนายความส่วนตัวของ ไฮโซน้ำหวาน วรพรรณ พันธุ์คงชื่น นำหนังสือมอบอำนาจ จากไฮโซคนดัง พร้อมเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ศิริพงษ์ กิตติภิวัฒน์ พนักงานสอบสวน ที่สน.ทองหล่อ หลังจากไฮโซน้ำหวาน ถูกดาราสาวชื่อดัง พร้อมน้องสาวรุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เหตุเกิดที่ร้านอาหารฮาวีชั่น ชั้น 1 ซอยทองหล่อ 9 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา

ซึ่งทนายได้เผยว่า ไฮโซน้ำหวาน ถูกทำร้ายร่างกายเมื่อเวลาประมาณ 22.20 น.ของ วันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมา บริเวณร้านอาหารฮาวีชั่น ก่อนเกิดเหตุ น้ำหวานได้มาเยี่ยมคุณแม่ที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ขณะที่ทางคุณแม่หลับพักผ่อน จึงได้ลงไปรับประทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านอาหารนี้ ระหว่างรับประทานอาหาร ได้เห็นกลุ่มหญิงสาว ประมาณ 3-4 คน เดินตรงเข้ามา แล้วนำโทรศัพท์มือถือปาใส่ที่ใบหน้า ของ ไฮโซน้ำหวาน จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนเข้ารักษาตัวที่ รพ.สมิติเวช

ขณะนี้มีอาการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า มีรอยฟกช้ำเป็นวงกว้างโดยมีขนาดความยาวของบาดแผลประมาณ 5 ซม. และมีอาการอ่อนเพลียมาก และวันนี้ได้รับหนังสือมอบอำนาจเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี โดยมีหลักฐานจากภาพวงจรปิดของร้านอาหาร และพยานจากเพื่อนของไฮโซชื่อดัง จากนี้จะเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด สำหรับ ไฮโซน้ำหวาน ขณะนี้ พักฟื้นอยู่ที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท  คาดว่าอาจจะเกิดจากการกระทบกระเทือนทางสมอง แพทย์ลงความเห็นให้พักรักษาตัวเป็นเวลา 15 วัน ส่วนเรื่องรายละเอียดทั้งหมด ต้องรอให้เจ้าตัวเป็นคนชี้แจง

ด้าน ร.ต.ท.ศริริพงษ์ เผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับเรื่องการแจ้งความไว้ก่อน โดยการกระทำของผู้ที่ลงมือก่อเหตุเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานร่วมกันทำร้าย ร่างกายผู้อื่น หลังจากนี้จะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม แล้วจะประสานไปทางฝ่ายสืบสวน สน.ทองหล่อ หาภาพวงจรปิดจากร้านอาหารฮาวีชั่นเพิ่มเติม และสอบสวนพยานในเหตุการณ์จากนั้นจะให้ผู้เสียหายเข้าชี้ตัว ก่อนออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัยแจ้งข้อหาในการดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 18.00 น.ไฮโซน้ำหวาน ได้ให้สัมภาษณ์ในสภาพใบหน้าที่ฟกช้ำ ขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช  ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า


"ก็เจอพี่หนิงแล้วก็พี่แนน ที่ร้านอาหาร  แล้วเค้าก็ขว้างโทรศัพท์ใส่หน้า ก็ไม่ทราบมาก่อนว่าเค้าจะมา และไม่ทราบสาเหตุที่เค้าทำแบบนี้  ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้พูดคุยหรือมีปากเสียงกันเลย พี่หนิงเค้าไม่ได้เป็นคนทำ  น้องสาวเค้าเป็นคนทำ  แต่ตอนนั้นพี่หนิงเค้าคิดว่าหนูไปตบน้องสาวเค้า คือน้องสาวเค้าเอาโทรศัพท์มาตบหนู แล้วก็ทำเป็นล้มลงไป น้องสาวเค้าทำก่อน ส่วนหนูไม่ได้ตอบโต้ยืนอยู่เฉยๆ  อาการตอนนี้ก็ดีขึ้น ส่วนการดำเนินคดีก็ให้เป็นหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ดำเนินคดีต่อไป  และจากนี้ขอไม่ต้องมายุ่งก็พอ คำขอโทษไม่ต้อง" 

ขณะที่ทางด้าน หนิง-ปณิตา โต้กลับว่าเรื่องราวทั้งหมด ไม่ได้เป็นความจริง โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยไปกับเพื่อนๆประมาณ 6-7 คน และ แนน น้องสาว เป็นการไปรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ หลังจากไปงานประมูลเครื่องเพชร ที่โรงแรมฮิลตัน ซึ่งเป็นงานการกุศล เมื่อไปถึงร้านอาหารแห่งนี้ ก็เจอกับคู่กรณีโดยบังเอิญ ยืนยันไม่ได้มีเหตุอย่างที่คู่กรณีกล่าวอ้าง อยากให้ผู้รับข้อมูลข่าวสาร ใช้วิจารณญาณด้วย เนื่องจากเป็นสถานที่สาธารณะ พวกตนจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร อีกทั้งกลุ่มเพื่อนทั้งหมดเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคม จึงเป็นไปไม่ได้ จะกระทำอย่างนั้น หลังจากนี้จะปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ถึงการดำเนินการตอบโต้ ซึ่งอาจจะมีการแจ้งความกลับกับคู่กรณีก็ได้

ทั้งนี้ หนิงยังได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตารแกรมว่า
"คนโทรมาจนสายจะไหม้อยู่แล้ว ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงและเป็นกำลังใจ ขอยืนยันว่าข่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามนั้น"

ขณะที่ แนน น้องสาวของ หนิง ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านไอจี ระบุว่าได้รับบาดเจ็บเนื่องจากโดนทำร้าย พร้อมภาพประกอบบริเวณข้อมือขวามีรอยฟกช้ำ

ที่มา สยามดารา

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพหลุด กบ-สุนิสา จุกโผล่ ว่อนเน็ต

รูปหลุดจุกโผล่ คนหน้าคล้าย กบ-สุนิสา GND 2005 ว่อนเน็ต คาดโดนแอบถ่ายจากคนใกล้ชิดโดยที่ไม่รู้ตัวขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว เห็นหน้าอก ขณะใส่ชุดบินิกี  


เกิดเรื่องฮือฮาขึ้นมาอย่างมากในโลกไซเบอร์ เมื่อมีภาพคนหน้าคล้ายนางแบบสาวเซ็กซี่ ''พอร์ช ศิรปภัสร์'' หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมคือ กบ สุนิสา จงสวัสดิ์ อดีตนางแบบเกิร์ล เน็กซ์ดอร์ 2005 ของนิตยสาร FHM หลุดออกมาทั่วอินเทอร์เน็ต และมีการแชร์ภาพกระจายต่อๆ กันไปจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายว่าภาพดังกล่าวใช่นางแบบสาวเซ็กซี่ ''กบ-สุนิสา'' หรือเปล่า


โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาละม้ายคล้ายนางแบบเซ็กซี่ ''กบ-สุนิสา'' อย่างมาก ซึ่งผู้หญิงคนดังกล่าวอยู่ในชุดบิกินีเห็นหน้าอกชัดเจน คาดว่าน่าจะเป็นอิริยาบถขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัว และถูกแอบถ่ายจากผู้ไม่หวังดีและนำออกมาแชร์ลงอินเทอร์เน็ต จนเป็นกระแสฮือฮาอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ก็เป็นได้


สำหรับ ''พอร์ช ศิรปภัสร์'' หรือ ''กบ-สุนิสา'' เป็นนักแสดงสาวที่โกอินเตอร์ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่อง The Fifth Commitment ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย และเป็นดาราสาวคนเดียวกันกับที่เคยเกิดกรณีภาพหลุดจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อปี 2555 เนื่องจากถูกคนร้ายยกเค้า ขโมยทรัพย์สินไปก่อนหน้านี้นั่นเอง

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ญาญ่า โต้แอบฉลอง ณเดชน์ ครบรอบหนึ่งปี

ญาญ่าโต้ควงณเดชน์สวีตสองต่อสอง ฉลองครบรอบ 1 ปี ยันไปยกก๊วนทานข้าวปกติ ปัดฝ่ายชายพรางตัวนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปจองสถานที่ทำเซอร์ไพรส์  ชินคนจับตามอง


คู่จิ้นนางเอกสาว ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ กับพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ ยังเป็นที่จับตามองอยู่ตลอดๆ ล่าสุดก็มีกระแสข่าวว่าทั้งคู่แอบจัดปาร์ตี้ฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 1 ปีด้วย แถมหนุ่มณเดชน์ยังลงทุนพรางตัวนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปจองสถานที่ล่วงหน้าเพื่อทำเซอร์ไพรส์สาวญาญ่าอีกด้วย

งานนี้พอมีโอกาสเจอตัวสาวญาญ่ามาร่วมงาน ''Beauty Hall 14th Anniversary'' ที่สยามพารากอน เมื่อวันก่อน ผู้สื่อข่าวจึงรีบเข้าไปซักถามทันที ซึ่งสาวญาญ่าทำหน้างง ก่อนเปิดเผยว่า
''ไม่มีการฉลองครบรอบ 1 ปีค่ะ เอาจริงๆ คือมีหลายครั้งที่ไปทานข้าวด้วยกันแต่ก็จะมีคนอื่นมาด้วย บางทีหนูกับพี่เขาก็อาจจะมาถึงก่อนแต่สักพักก็จะมีคนตามมา คนก็อาจจะเห็นช่วงเวลาที่เราอยู่กัน 2 คนก็ได้''
   

มีคนเห็นหนุ่มณเดชน์พรางตัวใส่หมวกแล้วนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปจองโต๊ะเพื่อทำเซอร์ไพรส์?
''จริงๆ พี่ณเดชน์เค้าใส่หมวกตลอดอยู่แล้ว และก็ทุกครั้งถ้าจะไปทานข้าวเราก็ต้องจองก่อนอยู่แล้ว ถ้าเรานัดกันอย่างจะฉลองสุดสัปดาห์เราก็จะจองล่วงหน้า เราจะไปกันหลายคน แต่ถ้าไปกันสองคนเราก็ไม่ค่อยได้ไปด้วยกัน ส่วนใหญ่เราจะไปกันเป็นกลุ่มอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่โดนคนจับตามองหนูก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเราไปทานข้าวด้วยกันบ่อย อย่างล่าสุดเมื่อ 2 วันที่แล้วเราก็ไปทานข้าวด้วยกัน แต่ก็ยืนยันว่าไม่มีการฉลองครบรอบ 1 ปีแน่นอน''


วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2556

น้องเพลง เผยไร้ปัญหาพ่อเอ๋ ขอยิ้มเคียงข้างแม่ตู่

หลังจาก ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย เคยออกมาเคลียร์ประเด็นที่อดีตสามี ''เอ๋'' ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงการจดทะเบียนสมรสอยู่กินฉันสามีภรรยากับนางเอกสาว ''เจนี่ อัศวเหม'' ไปแล้ว มาล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา ตู่ นันทิดา และลูกสาว น้องเพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม ก็ได้ควงคู่แม่ลูกมาร่วมงานโครงการ ''คนไทยยังให้กันอยู่'' เป็นครั้งแรก โดยกองทัพสื่อมวลชนได้จับตามองถึงการมาร่วมงานของ ตู่ และ น้องเพลง เป็นพิเศษ ซึ่งก่อนจะสัมภาษณ์ เก๋ ชลลดา เมฆราตรี ก็ได้ขอร้องสื่อมวลชนให้สัมภาษณ์ ตู่-น้องเพลง เฉพาะเรื่องงานที่มาร่วมในวันนี้ ซึ่งทาง ''ตู่-น้องเพลง'' ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องราวในวันนี้ว่า 


กับข่าวคราวที่ผ่านมาได้ให้กำลังใจกันและกันยังไงบ้าง?
น้องเพลง : ''จริงๆ เราไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว''
พี่ตู่ : ''สิ่งที่บอกกับลูกเสมอคือ ชีวิตคนเรามันต้องยืนอยู่ด้วยความจริง มันเป็นสิ่งที่พี่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก คุณตาก็บอกว่าชีวิตลูกจะอยู่ให้มีความสุขจริงๆ ต้องเดินอยู่บนความจริง และความจริงนั้นก็ต้องมีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน และคนที่จะมีความสุขที่สุดก็คือตัวเรา''

วันนี้ถือว่าเป็นการออกงานด้วยกันเป็นครั้งแรก?
''ใช่ค่ะ''
''ก็อาจจะมีตื่นเต้นนิดหน่อย''
''คนชมว่าน้องเพลงเสียงเพราะมากก็ต้องขอบคุณ อาจจะเป็นเพราะน้องเพลงอยู่ใกล้พี่มาตลอด ก็คงมีอย่างหนึ่งที่ได้รับจากเราไปโดยสายเลือดก็คงจะมีบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ต้องอยู่ที่ตัวเขาด้วย''


มีใครชวนไปเป็นศิลปินบ้างไหม?
''ก็มีติดต่อมาบ้าง อย่างที่เคยบอก จริงๆ เพลงสนใจเรื่องละครเวที ร้องเล่น เต้น ทุกอย่าง มากกว่าการเป็นนักร้องอีก''
''พี่ก็บอกน้องเพลงก่อนว่า ถ้าลูกชอบจริงๆ แล้ว ก็ให้ลูกไปค้นหาตัวเองก่อน ก็ถึงเป็นเรื่องที่เราได้เดินทางไปนิวยอร์กกันที่ผ่านมา เราไปมา 3 ปีแล้วทุกซัมเมอร์ คือน้องเพลงสอบติดนิเทศศาสตร์จุฬาฯ แล้วน้องเพลงเขาอยากอยู่เมืองไทย จริงๆ พี่ก็อยากให้เขาไปเรียนที่นิวยอร์กแต่ไปๆ มาๆ พี่ก็คิดเรามีลูกสาวคนเดียวให้อยู่ใกล้แม่ดีกว่า ก็ถือว่าโปรแกรมที่วางไว้เราก็พักไปก่อน คือโปรแกรมนี้เราวางไว้ 5 ปีแล้ว ว่าลูกต้องไปเรียนที่ไหนยังไง ก็ตอนแรกคิดว่าจะให้เขาไปเรียนเมืองนอกอยู่แล้ว แต่ไปๆมาๆ ระดับปริญญาตรีให้อยู่เมืองไทยก่อน แล้วค่อยไปต่อโทที่ต่างประเทศ''

ให้น้องเพลงเล่าความภูมิใจที่คุณแม่คอยเลี้ยงดูเรามา?
''ต้องบอกก่อนเลยว่าแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เราเสมอ เราภูมิใจที่คุณแม่เป็นผู้หญิงที่เก่งและเข้มแข็ง เราก็จะเดินตามคุณแม่และจะเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งเหมือนคุณแม่''
''ต้องบอกว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พี่ว่าอะไรที่จะปกป้องเราได้มากที่สุด วันนี้พอพี่อายุได้ 54 แล้วพี่รู้เลยว่ามันมาจากความรักจริงๆ ฉะนั้นการเลี้ยงดูของพี่ก็คือการอยู่ใกล้กับลูก อย่างที่บอกว่าเราจะเป็นไหล่ให้ลูกพิงไปตลอดชีวิต''

คนในสังคมยกย่องให้พี่ตู่เป็นผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงแกร่งไปแล้ว?
''กว่าจะแกร่งได้เราต้องข้าม มันต้องข้ามเส้นตรงนั้นให้ได้ คือการที่เราต้องชนะใจตัวเอง อย่างที่บอกว่ามันต้องชนะถึงความรู้สึกถึงคำว่าให้จริงๆ ให้ที่เป็นการเสียสละ อย่างที่พี่บอกคือเราไม่ได้จำใจที่ต้องให้ หลายสิ่งหลายอย่างที่สอนเรา ชีวิตที่เราผ่านมาอาจจะมีปัญหามากมายแต่เราก็ไม่เคยที่จะหนีปัญหานั้น อย่างที่พี่บอกคือให้เดินอยู่กับความจริง มันไม่ได้หลอกตัวเองก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว พี่อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงแกร่งแต่พี่อาจจะเลือกทางเดินที่ถูก เราอาจจะเลือกเกิดเป็นอะไรไม่ได้แต่เราเลือกที่จะมีความสุขได้''

น้องเพลงได้ติดต่อคุณพ่อบ้างไหม?
''ติดต่อค่ะ ความสัมพันธ์พ่อกับเพลงก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ตั้งแต่มีข่าว เพลงกับพ่อก็ยังพูดคุยกันยังรักกันเหมือนเดิมค่ะ''

ต่อจากนั้น พี่ตู่ ก็ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่เป็นห่วง น้องเพลง พร้อมยกมือไหว้แล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ออย-ธนา สละโสดกับแฟนสาวนอกวงการ เมินคนมองวิวาห์ฟ้าแล่บ

ออย-ธนา เผยเตรียมวิวาห์วันที่ 16 พ.ย. ที่จะถึงนี้กับแฟนสาวนอกวงการ เผยธีมงานเรียบง่าย เร่งแจกการ์ดผู้ใหญ่ เมินคนมองแต่งสายฟ้าแล่บ แพลนมีลูกเลย 


หลังจากที่ ออย-ธนา สุทธิกมล เจ้าของฉายาพระเอกเทวดา ได้โพสต์ภาพพรีเวดดิ้งผ่านทางอินสตาแกรมที่มีชื่อ oilthana และมีข้อความใต้ภาพอีกว่า
"@finaleweddingmagazine ขอบคุณพี่ปลาฟินาเล่นะครับ ที่เป็นส่วนนึงที่เติมเต็มให้วันนี้ของเราสมบูรณ์''
ที่ได้สร้างความฮือฮาแถมมีกระแสข่าวออกมาอีกว่าเจ้าตัวได้เร่งแจกการ์ดโดยมีฤกษ์ดีพร้อมแต่งวันที่ 16 พ.ย. ที่จะถึงนี้


พอได้เจอหนุ่มออยในงานบวงสรวง ''แหม่มจ๋า'' วันที่ 18 ก.ย. 56  ณ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ซึ่งเจ้าตัวได้ชี้แจงถึงภาพที่เผยแพร่ออกมาทันทีว่าเป็นเรื่องที่ตนกำลังจะแต่งงาน โดยมีฤกษ์ดีวันที่ 16 พ.ย. นี้ แจงงานแบบเรียบง่าย เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เร่งแจกการ์ดผู้ใหญ่

''ครับ สถานที่ยังไม่บอกแต่อยู่ในกรุงเทพฯ จริงๆ ก็วางแผนและเตรียมงานกันไว้นานมากๆ ที่วางไว้คืออยากให้เสร็จก่อนที่จะงานเยอะ เพราะเผื่อมีเปลี่ยนแปลงอะไรด้วย ช่วงนี้ก็ชิลๆ ตระเวนแจกการ์ดให้ผู้ใหญ่เพราะอยากไปแจกด้วยตัวเอง งานก็น่าจะเกือบ 100 % แล้วครับ พิธีก็หมั้นแล้วแต่งเลยครับ ความตั้งใจของผมอยากจะจัดงานแบบเล็กๆ เพราะเพื่อนของผมมีน้อย ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายผมก็ไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำมั้ง แต่เราก็ดูความเหมาะสมทั้ง 2 ฝ่ายด้วยครับ แต่งานนี้ก็ไม่ถึงกับใหญ่นะ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าบางคนหรือสื่อบางท่านอาจไม่ได้เชิญ เพราะงานของเรา ค่อนข้างเล็ก กลัวที่จะต้อนรับไม่ดีพอ ก็ขอความกรุณาสื่อที่เชิญมางานรบกวนแบ่งภาพเผื่อๆ กันนะครับ ธีมงานของเรานี่จัดแบบเรียบง่ายสุดๆ ให้คนที่มาร่วมงานรู้สึกว่ามางานแต่ง ไม่มีอะไรเยอะแยะมากมาย''

มีเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานหรือไม่อย่างไร?
''ไม่มีเลยครับ ผมก็ขอเขาตรงๆ เลย ไม่มีเซอร์ไพรส์ ไม่มีจัดงานอะไรทั้งสิ้น เจ้าสาวก็แทบจะไม่ต้องเตรียมตัวอะไรแล้ว เพราะเราเตรียมงานกันมานานมากแล้วครับ เราคบกันมาก็เป็นปีครับ หลายปีแล้ว ถ้าถามว่าตื่นเต้นไหม เอาตรงๆ ผมก็เคยแต่งในละครมาก่อนหลายครั้งนะ ตอนนี้ก็เลยยังไม่ตื่นเต้น ต้องรอให้ใกล้ๆ ถึงวันงานก่อนแล้วจะรู้ครับ ถามถึงเรื่องสินสอดว่าเท่าไร เจ้าตัวตอบว่า มีไม่เยอะครับ เรือนหออยู่ที่กรุงเทพฯ''

หลายคนมองเราจัดงานสายฟ้าแลบ แล้วคิดว่าอย่างไรบ้าง? 
''มันก็แล้วแต่คนจะมองนะ แต่ยืนยันว่าตัวผมเตรียมการมานานแล้ว ผมก็คิดเหมือนคนทั่วๆ ไปที่เขาอยากแต่งงานกันแหละ'' 

เรื่องข่าวท้องก่อนหน้านี้จริงหรือไม่อย่างไร? 
''เอาเป็นว่าไม่พูดเรื่องนี้กันดีกว่าครับ เราคุยที่มันสร้างสรรค์ดีกว่าครับ ส่วนหลังแต่งก็แพลนมีลูกครับ ที่วางไว้ก็น่าจะมีเลย เพราะเราอยากมีลูกอยู่แล้วครับ"

แต่งงานแล้วยังทำงานในวงการต่อหรือไม่อย่างไร?
"งานในวงการถ้าเขายังไม่เลิกจ้างก็ยังมีอยู่ครับ (ยิ้ม) ส่วนแฟนผมตอนนี้ไม่ได้เป็นแอร์โฮสเตสแล้วครับ  เขาก็มีงานของเขาอยู่แล้วครับ''

วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อดวงอาภัพคู่ ยันจะมีคู่ให้ได้ แต่ไม่ฟ้าแต่งฟ้าแลบแน่

แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แย้มคุยสาวเด็กกว่า ไม่เชื่ออาภัพคู่ เผยศึกษาศาสตร์ตัวเลขไม่คิดยึดเป็นอาชีพ รับทดลองเปลี่ยนเบอร์หวังงานรุ่ง ไม่ได้เรื่องคู่


นักแสดงหนุ่มเฟรนด์ลี่ แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง ที่ครองตัวเป็นโสดมานานไม่มีสาวตัวจริงมาทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเหมือนคนอื่นเขาซะที ทั้งที่อายุก็ปาเขาวัยกลางคนแล้ว แถมล่าสุดก็มีหมอดูทำนายมาว่าดวงของหนุ่มแท่งเป็นดวงอาภัพเนื้อคู่ ชีวิตจะต้องครองตนเป็นโสดไปตลอดถึงจะดีอีก พร้อมกันนี้ยังทราบมาอีกว่าหนุ่มแท่งได้แอบไปศึกษาศาสตร์ตัวเลขดูดวงผ่านมือถือมา ไม่รู้ว่าจะศึกษาเพื่อแก้ดวงให้ตัวเองหรือเปล่า

พอมีโอกาสเจอตัวหนุ่มแท่ง มาร่วมกิจกรรมฟุตบอลแมตช์พิเศษ บางอ้อ รวมพลคนใจดี ที่สนาม SUPER KICK จึงเข้าไปซักถามทันที โดยเจ้าตัวได้เผยว่า
''ก็ดีครับ มีความสุขดี แล้วที่มีคนเอาดวงของผมไปดูแล้วบอกมาว่าผมเป็นคนอาภัพเนื้อคู่ต้องครองตนเป็นโสดนั้น ผมก็ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ผมเองก็มีความสุขดีกับชีวิตที่เป็นอยู่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้ จริงๆ ก็เคยมีคนทักจะเจอเนื้อคู่เร็วๆ นี้ แต่ก็รอมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่แน่อาจเจอแบบสายฟ้าแลบก็ได้ ถามว่ามีคนคุยด้วยไหม มันก็ต้องมีอยู่แล้ว เป็นรุ่นน้องที่เด็กกว่า แต่จริงๆ ผมก็อยากเจอคนโตกว่า ซึ่งมันน่าจะคุยกันง่าย ดูแลเราได้ดี ก็เอาเป็นว่าผมไม่เชื่อคนทักว่าผมจะอาภัพคู่ ผมไม่ยอม ผมจะพยายามมีคู่ให้ได้  แต่ปีนี้คงไม่มีแต่งฟ้าแลบแน่นอน''

เห็นมีข่าวว่าแอบไปศึกษาศาสตร์ตัวเลข จะยึดเป็นอาชีพเลยไหม?
''ก็บังเอิญไปเจอคนที่รู้เรื่องพวกนี้ ด้วยความสนใจก็เลยถามแล้วเขาก็ให้หนังสือมาอ่าน ลูกค้าที่มาดูส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนๆ ดารา คนที่อยู่ในกองถ่ายด้วยกัน และก็ไม่ได้คิดจะทำเป็นธุรกิจเพราะคงสู้คนอื่นไม่ได้ คือคนอื่นเขาศึกษามาหลายปี แต่ผมเองก็เพิ่งเรียนรู้มาสัก 2 ปี ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนอื่นดีกว่า สำหรับคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ และคนที่ใกล้ตัวที่ลำบากจริงๆ ซึ่งมันอาจจะช่วยได้ทางจิตใจ ก็ไม่อยากให้จริงจังกับเรื่องนี้มากเกินไปเพราะทั้งหมดมันก็มาจากตัวเราเองทั้งนั้น ถามว่าได้เปลี่ยนเบอร์ทดลองกับตัวเองดูหรือยัง ก็เปลี่ยนแล้ว ผมก็ทดลองเปลี่ยนเบอร์นั้นเบอร์นี้ ลองใช้กับตัวเองดู ก็ปรากฏว่าโอเค และที่เปลี่ยนผมจะเน้นเรื่องงาน เพราะผมเชื่อว่างานดี ชีวิตดี อะไรหลายๆ อย่างก็คงจะดีด้วย''

ที่มา สยาม ดารา

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

เมย์ มาริษา ควง แพนเค้ก-ใหม่ อวด แฟชั่นหรูแบรนด์ มาริฮอร์น แดนปลาดิบ

มาริษา ฮอร์น ตอกย้ำความสำเร็จครั้งที่ 2 ควง 2 ดารานางแบบดังเมืองไทย แพนเค้ก-เขมนิจ และ ใหม่-ดาวิกา ขึ้นอวดโฉมแฟชั่นเริ่ดหรูอลังการแบรนด์ ''มาริฮอร์น'' ในงานแฟชั่นชื่อดังระดับเอเชีย ณ Tokyo Metropolitan Gymnasium


เมย์ มาริษา ฮอร์น ได้ก้าวสู่วงการแฟชั่นไทย พร้อมกับสร้างแบรนด์น้องใหม่ มาริฮอร์น ล่าสุดก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการแฟชั่นไทย หลังจากที่ได้รับเชิญจากประเทศญี่ปุ่นเข้าร่วมงาน โตเกียว รันเวย์ ไปแล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดตอกย้ำความสำเร็จครั้งที่ 2 ควง 2 ดารานางแบบดังเมืองไทย ''แพนเค้ก-เขมนิจ'' และ ''ใหม่-ดาวิกา'' ขึ้นอวดโฉมแฟชั่นเริ่ดหรูอลังการแบรนด์ ''มาริฮอร์น'' ในงาน ''โตเกียว รันเวย์ 2013 Autumn/Winter'' กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น


ด้วยเอกลักษณ์รวมถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวของแบรนด์ ''มาริฮอร์น'' ทำให้แบรนด์มาริฮอร์นเป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการแฟชั่นประเทศญี่ปุ่น สำหรับงาน ''โตเกียว รันเวย์ 2013 Autumn/Winter'' ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2556 ซึ่งทาง ''เมย์'' มาริษา ฮอร์น ได้อวดโฉมคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด The fairest of them all ที่ได้ ''แพนเค้ก'' เขมนิจ จามิกรณ์ และ ''ใหม่'' ดาวิกา โฮร์เน่ ดาราดังจากช่อง 7 ร่วมด้วย ''มุก'' มุกดา นรินทร์รักษ์ มิสทีน ไทยแลนด์ 2011 เป็นตัวแทนนางแบบไทยเข้าร่วมเดินแบบในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังมีนางแบบชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น อาทิ Shaura, Emi Renata, Yuri Konno, Nicole Ishida, Midori Kuzuoka ฯลฯ ร่วมเดินแบบในครั้งนี้ด้วย ซึ่ง "เมย์" มาริษา ฮอร์น ได้เผยถึงความรู้สึกที่ได้เป็นตัวแทนแบรนด์แฟชั่นไทยเข้าร่วมงานบนเวทีแฟชั่นชื่อดังระดับเอเชียครั้งนี้ว่า

''ดีใจและภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชื่อเสียงให้กับคนไทยในด้านแฟชั่น ขอบคุณโตเกียว รันเวย์ ที่ให้โอกาสแบรนด์มาริฮอร์นอีกครั้ง ทางเมย์และทีมงานทุกคนเต็มที่กับคอลเลกชั่นนี้มากค่ะ ไม่เพียงแต่ดีไซน์และลายปรินต์ที่แตกต่าง ในส่วนของเครื่องประดับเป็นสิ่งที่เราตั้งใจออกแบบเพื่อเพิ่มความโดดเด่นและเติมคอลเลกชั่น AW13 ''The fairest of them all'' ได้ลงตัวที่สุดค่ะ'' 

ที่มา สยามดารา

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

เจน เชื่อ เจนี่ ไม่ได้ท้อง เผยคุย พอล หนุ่มนอกวงการ

เจนสุดา เผย เจนี่ บอกไม่ได้ท้อง แต่ถ้าท้องจริงก็ดีเพราะอยากอุ้มหลานอยู่แล้ว กับหนุ่มนอกวงการ พอล ยอมรับว่าคุยกันแต่สถานะแค่เพื่อนที่รู้จักกันมา 10 ปี ยังไม่มีการเปิดตัวใดๆ ทั้งสิ้น 


กรณีที่ว่า มาดาม เจนี่ อัศวเหม กำลังตั้งท้อง 2 เดือนยังคงเป็นเรื่องเป็นราวข่าวเม้าท์อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะมีการออกมาโพสต์ภาพภรรยาออกกำลังกายเล่นโยคะ โชว์หน้าท้องแบนราบผ่านอินสตาแกรมก็แล้ว แต่ข่าวเม้าท์ดังกล่าวก็ยังมีออกมาไม่หยุดไม่หย่อน ล่าสุดเมื่อผู้สื่อข่าวได้เจอ เจน เจนสุดา ปานโต เพื่อนซี้ใน แก๊งนางฟ้า ที่งาน ''Heineken A Star is Reborn Launch Party'' ณ Horizons @ HEAVEN ชั้น 19 ศูนย์การค้า ZEN World จึงได้สอบถามเกี่ยวกับกรณีข่าวเม้าท์ดังกล่าวก็ได้ความว่า

''เอาจริงๆ นะ ถ้าท้องก็ยินดีด้วย ก็ดีใจมากที่จะได้อุ้มหลาน แล้วตัวเขาเองก็บอกว่าเขาไม่ได้ท้อง เราก็เชื่อแบบนั้น ก็เขาไม่ได้ท้องจริงๆ นะ คือเขาไม่ได้พูดนะว่าจะพูดเมื่อไร เขาอาจรอให้ทุกอย่างจางลงมากกว่านี้ ให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้ ก็คงจะดีกว่านี้ เพราะเขาก็ไม่ได้จะทิ้งวงการบันเทิงไปไหน ก็คงต้องพูดอยู่ดี คือเขาไม่ได้เล่าอะไรเลยค่ะ แต่ว่าไม่กี่วันมานี้เป็นวันเกิด เขาก็แค่เล่าว่ามีความสุขมาก ได้เค้กจากสามีก็น้ำตาซึม ก็เห็นเพื่อนมีความสุขก็มีความสุขค่ะ คือตอนนี้เขาไม่ได้มีเรื่องเศร้าอะไร อาจร้องไห้เพราะความปลาบปลื้ม แต่ก็อาจเป็นไปได้อาจระบายให้แฟนคลับเข้าใจ''


เห็นว่า แอน-อลิชา กำลังลุ้นมีน้องเหมือนกัน? 
''แอนนี่ไม่รู้นะคะ เพราะว่าตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ภูริก็ยังไม่รู้เลย ให้เขาลุ้นในครอบครัวเขาไปก่อน เดี๋ยวเขาพร้อมจะบอกว่าท้องหรือไม่ท้องค่อยว่ากัน ก็อยากให้มีแววมากเลย เพราะถึงเวลาแล้วเขาคบกันมานานแล้ว มีสักหน่อยก็ดี''

มีข่าว เจน กำลังกิ๊กกั๊กอยู่กับ พอล-ศิริสันต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดสเมอร์นอฟจริงหรือไม่อย่างไร?
''จริงๆ รู้จักกันมานานแล้ว เป็นเพื่อนกันมานานมากเป็น 10 ปี เลย จริงๆ เขาก็ไม่ได้เป็นทายาทนะ แค่ทำงานในนั้น ถามว่าเปิดตัวไหม ก็ไม่ได้เปิดตัวค่ะ ก็แค่คุยศึกษากันไปก่อนไม่ได้อะไรมากมาย คือแค่ศึกษากัน จริงๆ แล้วอย่างที่บอกเจนเป็นเพื่อนเขามานานมากเป็น 10 ปี คือแก๊งเพื่อนๆ ก็รู้จักเขาอยู่แล้วก่อนหน้านี้ ก็สบายๆ เพื่อนๆ ก็โอเคค่ะ''

ตอบมาแบบนี้ก็คงต้องติดตามลุ้นกันต่อไปว่าจะพัฒนาหรือไม่อย่างไร

ที่มา สยามดารา

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556

เจนี่ โพสต์รูปตีลังกาตอกกลับข่าวเม้าท์ โผล่ฝากท้องโรงพยาบาลดัง

เจนี่ โพสต์ภาพตีลังกาในชุดโชว์หน้าท้องแบนราบ ตอกกลับข่าวโดนเม้าท์สนั่นซุ่มไปฝากครรภ์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แถมไม่ให้สัมภาษณ์สื่อในงานอีเวนต์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่อยากเคลียร์เรื่องนี้


ถึงแม้ในวันที่แถลงข่าวประกาศจดทะเบียนสมรสของนางเอกวิก 3 เจนี่ กับ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม จะมีการโชว์ไปตรวจร่างกายยืนยันว่าไม่ได้ตั้งครรภ์อย่างแน่นอน แถมบรรดาเพื่อนแก๊งนางฟ้าอย่าง วุ้นเส้น วิริฒิพา แย้มนาม ออกมาช่วยยืนยันว่าได้ถาม เจนี่ แล้ว และเจ้าตัวก็ยืนยันหนักแน่นว่ายังไม่ได้ตั้งท้องอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่วายมีบรรดาเจ้ากรมข่าวลือหยิบยกเอาเรื่องนี้มาเม้าท์ไม่หยุดหย่อน

โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา นางเอกสาว เจนี่ อัศวเหม ได้เดินทางไปรับรางวัลในงาน ZEN Stylish Popular Vote Award 2013 ท่ามกลางผู้สื่อข่าวจำนวนมากไปรอติดตามความเคลื่อนไหว และได้รับแจ้งจากทีมจัดงานว่า นางเอกสาวจะออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังพิธีการต่างๆ ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว แต่หลังจบงานนางเอกสาวกลับชิ่งหายไป ทำให้ขาเม้าท์เม้าท์ว่าสาเหตุที่นางเอกสาวไม่ยอมออกมาเปิดใจนั้นเพราะไม่ต้องการที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ยอมหยุดหย่อนว่า ตั้งท้องได้ 2 เดือนและซุ่มไปฝากท้องที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน
   

จนมาล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านางเอกสาว เจนี่ ได้มีการเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยได้โพสต์ภาพออกกำลังกายตีลังกาโชว์หน้าท้องแบนราบ ตอกกลับเจ้ากรมข่าวลือที่ปล่อยข่าวให้ร้ายเธอออกมาแบบไม่มีมูลอย่างไม่หยุดหย่อน พร้อมกับข้อความว่า
''คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ตามนั้นนะคะ'' 

เหมือนกับจะตอกกลับบรรดาขาเม้าท์ว่าเธอยังไม่ได้ตั้งครรภ์ตามที่เสียงเม้าท์สนั่นไปทั่วในเวลานี้อย่างแน่นอน

ที่มา สยามดารา

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556

อเล็กซ์ เรนเดล ควง เต้ย-จรินทร์พร ไปสวีทหวานฝรั่งเศส

อเล็กซ์ เรนเดล ปัดเตรียมควงสาวคนสนิท เต้ย-จรินทร์พร สวีตหวานฝรั่งเศส ยันแค่เป็นการทำงานถ่ายแบบโปรโมตการท่องเที่ยวปลายเดือนนี้


มีกระแสข่าวออกมาว่า นักแสดงหน่ม อเล็กซานเดอร์ ไซม่อน เรนเดล กับ ''เต้ย'' จรินทร์พร จุนเกียรติ เตรีมจูงมือกันไปถ่ายแบบที่ประเทศฝรั่งเศส 3-4 วันเลยทีเดียว ที่ก่อนหน้านี้เคยยืนกรานเสียงแข็งปฏิเสธว่า ไม่ได้มีสถานะแฟนกัน สำหรับ หรือว่าทั้งคู่มีแนวโน้มใจอ่อนยอมเปิดตัวมากขึ้นซะแล้ว ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เจอกับนักแสดงหนุ่มขณะมาร่วมบวงสรวงละครเรื่องสามี ซึ่งจัดขึ้น ณ สตูดิโอ ช่อง 3 หนองแขม เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา จึงไม่พลาดที่จะซักถามถึงประเด็นดังกล่าวทันที โดยนักแสดงหนุ่มได้เผยว่า

''ครับ เป็นการถ่ายเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวของฝรั่งเศส ซึ่งคิดว่าใช้เวลา 3-4 วัน โดยจะออกเดินทางไปถ่ายทำในสิ้นเดือนนี้ครับ สำหรับงานนี้เรียกได้ว่าเป็นงานคู่กันครั้งแรกครับ ซึ่งสาเหตุที่รับงานนี้เพราะอยากไปเที่ยวมากกว่าครับ ผมตัดสินใจรับเองเลยโดยยังไม่ได้ถาม ''เต้ย'' ด้วยซ้ำ ซึ่งเขาก็เห็นด้วย ก็แบบว่าใครก็อยากไปเที่ยงฝรั่งเศสเนอะ เรื่องไปเที่ยวแบบสวีตหวานหรือเปล่านั้นผมคิดว่าเราไปทำงานเนอะ ไปกันเป็นกลุ่มไม่ได้ไปกัน 2 คน เพราะเราต่างคนต่างก็มีผู้จัดการส่วนตัวไปด้วย ก็เหมือนนักแสดง 2 คนไปทำงานด้วยกันครับ ไม่ได้ไปแบบคู่รักอย่างที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งผมและเขาต่างคนต่างก็ดูแลตัวเองได้ เลยไม่ต้องมานั่งเทกแคร์กันตลอด 24 ชม. หรอกครับ''

ก่อนหน้านี้เห็นว่าทั้งคู่ปฏิเสธที่จะรับงานคู่ แต่ทั้งนี้ใจอ่อนเนื่องด้วยสาเหตุใด?
''ไม่ใช่ว่าจะไม่รับงานคู่หรอกครับ แต่ถ้าเรารู้สึกว่าภาพที่จะออกไปมันขายความรักตรงนี้มากเป็นพิเศษ เราก็ไม่อยากรับ เพราะรู้สึกว่ายังไม่พร้อมกับงานอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นคอนเซปต์ไปเที่ยวกัน ผมก็ค่อนข้างโอเคครับ''

วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

หยาด ควงหนุ่มเดินสยาม เผยเป็นเพื่อนสนิทกัน

หยาด-หยาดทิพย์ ยอมรับควงหนุ่มนักเรียนนอกเดินสยาม ยันความสัมพันธ์แค่เพื่อนสนิท ไม่อยากพูดเยอะ เกรงใจฝ่ายชายไม่อยากให้เป็นข่าว 


นางเอกสาว หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล เป็นอีกสาวที่มีข่าวกิ๊กกับหนุ่มๆ ตลอดๆ แต่ก็ยังไม่เปิดตัวคบใครสักที ล่าสุดก็มีภาพควงหนุ่มนักเรียนนอกเดินสยาม ซึ่งเป็นหนุ่มคนเดิมที่เคยตกเป็นข่าวว่าไปเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยกันมา พอมีโอกาสเจอตัวสาวหยาดผู้สื่อข่าวก็รีบถามทันที ซึ่งก็ได้ความมาว่า
''เรื่องความรัก ก็ปกติดีค่ะ ภาพควงหนุ่มเดินสยาม ไม่ได้ปิดบังอะไร แต่เวลาไปเดินกับใคร ไม่ได้บอกว่าระวังจะโดนถ่ายรูปนะ แต่ยังไม่มีอะไร ก็เป็นคนดีๆ คนหนึ่งที่เรามีโอกาสได้รู้จักค่ะ คือเรารู้จักมาซักพักแล้ว แต่ว่าหยาดไม่อยากพูดอะไรเยอะ เพราะว่าหยาดไม่ค่อยชอบพูดเรื่องพวกนี้ เเละเขาไม่ใช่คนในวงการด้วย ไม่อยากให้ชีวิตเขา ต้องกลายเป็นสาธารณะ เขาเพิ่งย้ายมาเมืองไทยด้วย ก็เกรงใจ สงสารเขาค่ะ''

รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว และฝ่ายชายทราบหรือไม่ว่าหยาดเป็นดารา?
''เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว และเขาก็ทราบว่าเราทำงานในวงการบันเทิง คือมันยังไม่ได้มีอะไร เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน หมายถึงเพื่อนของเขาและของเรา สนิทกันหมด ไปไหนก็ไปเป็นกลุ่มๆ คือมันยังไม่ได้มีอะไรจริงๆ เราแค่ได้มีโอกาสได้รู้จักคนใหม่ๆ คนดีๆ เข้ามา ถามว่าเป็นหนุ่มที่สนิทที่สุดไหม ก็ไม่ใช่ หยาดไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนผู้ชาย เอาเป็นว่าหยาดไม่อยากตอบอะไรเยอะ ตอบได้ตอนนี้คือ สนิทกัน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น''

มีโอกาสที่จะพาหนุ่มคนสนิทไปพบคุณแม่หรือไม่อย่างไร?
''ยังไม่มีโอกาสพาไปเจอคุณแม่ค่ะ คือจริงๆ เวลาหยาดสนิทกับใคร คุณแม่จะทราบ เเต่ว่าเราก็จะให้เกียรติเขา ไม่ใช่ว่าจะพาเพื่อนทุกคนไปเจอเขา และเขาไม่ค่อยว่างอยู่แล้ว คือแค่คุณแม่ไปงานกับหยาดแค่นี้คุณแม่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว จริงๆก็มีโอกาสไปสวัสดีกันบ้างแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้พูดคุยกันเท่านั้นเองค่ะ ถ้าเรื่องพามาเปิดตัว ก็คงไม่มี เพราะหยาดยังไม่ได้บอกว่าคบกัน แค่บอกว่าเป็นแค่เพื่อนที่สนิทคนหนึ่งในกลุ่มแค่นั้นเอง''

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

ไอซ์ อภิษฎา สลัดผ้าถ่ายหวิว ปัดรับค่าตัวแปดหลัก

ไอซ์-อภิษฎา โต้ข่าวเม้าท์ว่ากอดหนุ่มที่สนามบิน อุบรับค่าตัว 8 หลัก เปลื้องผ้าถ่ายพรีเซนเตอร์ พร้อมเผยมีหนุ่มคุยด้วย แต่ยังไม่ขอเรียกแฟน 


สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยเมื่อ ไอซ์ อภิษฎา เครือคงคา สลัดผ้าถ่ายหวิวเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ MESENE งานนี้เลยทำให้ขาเม้าท์เม้าท์กันว่างานนี้สาวไอซ์ ได้ค่าเหนื่อยถึง 8 หลักเลยทีเดียว พอสอบถามเจ้าตัวก็ได้ความมาว่า

''ค่าเหนื่อย 8 หลักคงไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ แต่ถามว่าเซ็กซี่ที่สุดมั้ยก็มากที่สุด เพราะว่าภาพที่ใช้ก็แทบที่จะเปลื้องแต่ก็มีเซฟค่ะ ไม่ถึงขั้นถ่ายนู้ดไม่ได้เป็นอะไรอย่างนั้น เราก็โชว์หวิวเต็มที่แต่มีปิดไว้ไม่ให้เห็น ภาพที่ออกมาก็โอเคในระดับหนึ่งค่ะ เราเว้นว่างถ่ายเซ็กซี่ไปก็นานพอสมควร ไอซ์ค่อนข้างไว้ใจพี่จ๊อด (ช่างภาพ) และได้คุยกับทางโปรดักต์ไว้แล้ว ซึ่งเราก็จะได้เลือกภาพก่อน''

มีข่าวเม้าท์ว่าไปกอดหนุ่มที่สนามบิน?
''ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีเลย เพราะว่าที่สนามบินนี่ที่เราไปเพราะว่ามีงานโชว์ตัวต่างจังหวัดเยอะ แล้วไปกับช่างแต่งหน้ากับผู้จัดการตลอด แต่ว่ากอดกับใครที่สนามบินไม่มีค่ะ ถ้าไปสนามบินจะอยู่ในช่วงรีบมากกว่า ช่วงนี้ก็ไม่ได้เจอใครไม่ได้กอดลา มากสุดก็แค่คุณพ่อซึ่งไปส่งไม่กี่ครั้ง คือถ้ามีรูปก็คงอธิบายได้ แต่เรายังไม่ได้เห็นรูปว่าเป็นละครหรือเราทักทายใครยังไง''

ความรักตอนนี้เป็นอย่างไรเห็นว่ากำลังควงอยู่กับไฮโซหนุ่มทายาทรีสอร์ตเขาใหญ่?
''ยังไงดีล่ะ ถ้าถามว่ามีคนคุยด้วยมั้ย มันก็มี แต่ว่ายังไม่แพลนว่าจะแต่งงานกับใคร ก็มีแค่ว่าถ้าสมมติวันหนึ่งถ้าจะต้องแต่งจะเป็นบรรยากาศแบบไหนดี คือตอนนี้ขอตัดสินใจเลือกก่อน แต่ยังไม่อยากใช้คำว่าแฟนกับใคร สำหรับไอซ์เองรู้สึกว่าคนต่อไปที่ไอซ์จะต้องเปิดก็อาจจะต้องเป็นคนที่สามารถพัฒนาไปถึงขั้นแต่งได้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ขอพูดเรื่องนี้ หลายคนอาจจะมองลุกส์ว่าเราดูเจ้าชู้อาจจะคุยหลายคน แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ไอซ์ไม่ได้เป็นคนคุยหลายคนถ้าคุยก็คุยกับคนเดียวตอนนี้ก็กำลังตัดสินใจอยู่''

ตอบอย่างนี้กลัวฝ่ายชายน้อยใจหรือเปล่า?
''ไม่หรอกค่ะ ก็พยายามที่จะตรงไปตรงมามากกว่า ถ้าวันหนึ่งเขาใช่ขึ้นมา ก็จะบอกพี่ๆ ทุกคนว่าใช่ แต่ตอนนี้ยังก็พูดตรงๆ ว่า ยังค่ะ''

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

เจ้าสัวบุญชัย ปลื้ม ตั๊ก-บงกช ผ่าคลอด น้องข้าวหอม แ็ข็งแรงทั้งคู่

เจ้าสัวบุญชัย เตรียมรับขวัญลูกชาย หลัง ตั๊ก-บงกช ผ่าคลอดลูกชายคนแรก น้ำหนัก 4,100 กรัม ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ตั้งชื่อ เด็กชายชีวกิตติ์ เบญจรงคกุล ชื่อเล่น น้องข้าวหอม 

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 เวลา 09.49 น. ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สุขุมวิท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักแสดงชื่อดัง ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล ได้ผ่าคลอดทารกเป็นเพศชายที่เกิดกับไฮโซชื่อดัง เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล น้ำหนัก 4,100 กรัม ยาว 52 ซม. ผิวขาวอมชมพู ภายใต้การดูแลอย่างดีโดย แพทย์หญิง ปาริชาติ ธนะสิทธิชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์สูติ-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

เจ้าสัวบุญชัย เผยความรู้สึกที่ได้เห็นหน้าลูกชายครั้งแรกว่า
''รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมาก ทุกอย่างราบรื่นดีมากครับ คุณหมอบอกว่าตั๊กและลูกแข็งแรงร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม สัญญาณชีพจรดีมาก ผมได้เข้าไปให้กำลังใจในห้องคลอดด้วย ชื่อจริงชื่อ เด็กชายชีวกิตติ์ เบญจรงคกุล ซึ่งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ท่านตั้งชื่อให้ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ทรงเกียรติ ส่วนชื่อเล่นน้องชื่อว่า ข้าวหอม '' 

ทางด้าน ตั๊ก-บงกช คุณแม่มือใหม่ก็ได้กล่าวว่า
''รู้สึกตื่นเต้นมาก ดีใจมาก ดีใจที่เรามีครอบครัวที่สมบูรณ์ ครอบครัวเรารักข้าวหอมมากค่ะ ก็ตั้งใจจะเลี้ยงดูและดูแลเค้าให้ดีที่สุด''

เจ้าสัวบุญชัย และ ตั๊ก-บงกช ได้เข้าสู่พิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2556 ที่ศาลาริมน้ำ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ภายใต้ธีมงานแต่งงานแบบไทย และได้คลอดลูกชายเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2556 เวลา 09.49 น. ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สุขุมวิท

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

พลอย-เฌอมาลย์ โนรีเทิร์น ต้าร์ แต่ยังไม่ลืม ดีใจมีวัยรุ่นมาปลื้ม

พลอย-เฌอมาลย์ ยังไม่ลืม นาวิน-ต้าร์ แต่ไม่คิดรีเทิร์น ไม่รู้โดนกองละครมาดามดันยี้ เผยดีใจ อินดี้-อินทัช กับ มาร์ช-จุฑาวุฒิ แอบปลื้ม 



แม้ว่าสาว พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ กับหนุ่ม ต้าร์ นาวิน เยาวพลกุล จะเลิกรากันไปได้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังมีประเด็นให้ถูกถามตลอดเวลา อย่างล่าสุดหนุ่ม ต้าร์ ยังยอมรับกับสื่อว่ายังเฮิร์ตและยังคิดถึงสาว พลอย อยู่ แถมยังมีข่าวว่าได้ไลน์หาผู้จัดการส่วนตัวของสาว "พลอย" เพื่อถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้างอีกด้วย ไม่รู้คู่นี้จะมีสิทธิ์รีเทิร์นหรือเปล่า

ล่าสุดมีโอกาสเจอสาว "พลอย" มาร่วมงาน "Secant" ที่ลานแฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน สอบถามเรื่องประเด็นนี้จากสาวพลอยก็ได้ความว่า


"ใครจะไปลืมใครได้ล่ะคะ มันผ่านยังไม่ถึงปีเลยก็ยังไม่ลืมค่ะ ขนาดแฟนเก่าที่เคยคบเมื่อ 10 ปีก่อนพลอยก็ยังไม่ลืม ส่วนเรื่องที่เขาไลน์หาผู้จัดการพลอย ก็เหมือนเขาไลน์จะเอาของมาคืนให้พลอยแค่นั้นเองไม่มีอะไรมาก พลอยเคยโทร.ไปหาเขาเหมือนกัน แต่พี่เขาก็ไม่รับสาย คือเขาเคยบอกว่าถ้าหากเราเลิกกันอย่าโทร.มาอย่าเมสเซจมาทั้งสิ้น แต่พลอยก็เคยโทร.ไปโทร.ไปขอบคุณเขาที่เขาเป็นธุระเอาของมาคืนให้แต่เขาก็ไม่รับสาย ก็ไม่เสียเซลฟ์นะ แต่ก็แปลกใจเหมือนกันที่เขาบอกยังคิดถึง"

ต่างคนต่างไม่ลืมอย่างนี้มีโอกาสรีเทิร์นหรือไม่?
"คือพลอยยังไม่ว่าง ก็อย่างที่เคยบอกว่าพลอยไม่อยากทำให้ใครเสียเวลา ไม่ใช่ไม่พร้อมแต่พลอยว่ามันคงผ่านไปแล้ว ถามว่าเป็นเพราะมีคนใหม่หรือเปล่า ก็บอกเลยว่าไม่ได้มีใคร คือตอนนี้พลอยยังไม่อยากมีแฟน มันเพิ่งจะผ่านไปไม่นานก็เลยยังไม่อยากรีบ แผลยังไม่ตกสะเก็ดเลย ก็คงยังไม่ต้องรีบก็ได้ ว่างบ้างก็ได้ ไม่มีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ็บปวดอะไร ยอมรับว่าตอนนี้ก็มีหนุ่มๆ มาคุยทั้งในและนอกวงการแต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับเขามาก คือพลอยไม่อยากให้เขามาเสียเวลา ก็เหมือนเขาเข้ามาลองๆ คุยดูเพราะเห็นพลอยว่างแต่เอาจริงๆ เขาก็ไม่ได้ชอบพลอยแบบจริงๆ จังๆ ประมาณว่าว่างเลยลองจีบถ้าจีบติดก็ว่าไปอะไรแบบนี้ และพลอยเองก็งานยุ่งด้วยเลยไม่อยากมีแฟน มันรู้สึกว่ามีแฟนเหมือนมีภาระเลยขอโสดดีกว่า เราทำงานเสร็จกลับบ้านก็นอน ว่างก็ไปเที่ยวกับแม่กับเพื่อนแบบนี้ดีกว่า"

ได้ไปดูคอนเสิร์ตรียูเนี่ยนที่หนุ่ม "ต้าร์" ขึ้นแสดงด้วยไหม?
"ไม่ได้ไปค่ะ คือไม่กล้าไปเพื่อนเยอะ จริงๆ ก็อยากไปดูมากแต่ไปแล้วเดี๋ยวคนจะหาว่าไปสร้างกระแสอีกพลอยก็เลยไม่ไปดีกว่า จริงๆ พลอยตั้งใจไปให้กำลังใจพี่เขาแต่รู้สึกว่าเขาไม่ต้องการก็เลยคิดว่าคงไม่จำเป็น และพี่ต้าร์ก็ไม่ได้สั่งห้ามพลอยไม่ให้ไป แต่เขาพูดว่าถ้าเห็นแก่ที่เราเคยรักกันมาก็อย่าติดต่อเขา พลอยก็เลยคิดว่าพลอยไม่ควรไปดีกว่า พลอยทำเขาเสียใจมากๆ พลอยก็ไม่น่าจะมายุ่งกับเขาอีก พลอยก็เลยทำตามสิ่งที่เขาต้องการ"

ต้าร์ เริ่มมีข่าวกับสาวๆ พลอย รู้สึกยังไงบ้าง?
"จริงๆ พลอยว่ามันเป็นเรื่องของพี่ต้าร์ ถ้าเขาจะมีใครหรือคบกับใครมันก็เป็นเรื่องของเขาเช่นเดียวกับพลอยถ้าพลอยจะมีใครพลอยก็ไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับพลอย เราตกลงกันแล้วว่าถ้าเขาจะคบกับใครพลอยก็ไม่ได้ห้ามไม่ได้หวงอะไร ถ้าเขามีคนที่ทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าพลอย พลอยก็ยินดีกับเขาด้วย ตอนนี้พลอยก็แฮปปี้ดี พลอยคงโสดไปอีกนาน"

มีอีกกระแสข่าวลือที่ว่ากองละครมาดามดันเริ่มเบื่อ เพราะเราค่อนข้างวุ่นวายจริงหรือไม่อย่างไร?
"อ้าวเหรอ ตอบไม่ถูกเลย คือข่าวนี้พลอยไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ วันนี้ยังไปถ่ายละครอยู่เลย ไม่รู้เรื่องจริงๆ ถ้าใครรู้สึกอย่างนั้นก็บอกหน่อยแล้วกัน"


แล้วเรื่องที่หนุ่ม "อินดี้-อินทัช"  ลูกชายของ "ฮันนี่" ภัสสร บุณยเกียรติ และหนุ่ม "มาร์ช" จุฑาวุฒิ ภัทรกําพล ออกอาการปลื้มสาว "พลอย" เอามากๆ  รู้สึกยังไง?
"ก็รู้สึกดีที่ยังมีวัยรุ่นมาปลื้ม คือพี่ฮันนี่เขาบอกน้องโตแล้ว น้องอินดี้ชอบพี่พลอย น้องเขาซื้อหนังสือเพลย์บอยมาขอลายเซ็นด้วย ก็ขอบคุณเขา เขาน่ารักดี โตเป็นหนุ่มแล้ว ส่วนน้อง มาร์ช ก็พอดี พลอย อยู่ที่นั่นเลยเจอน้องๆ เขา น้องเขาก็เลยปลื้มแค่นั้นเอง คือพลอยเป็นคนเข้ากับคนง่าย อาจจะไม่ค่อยถือตัวด้วย เวลาเจอน้องๆ ตามงานน้องเขาก็มาเล่นด้วย มาคุยด้วย ถามว่าจะรับเด็กๆ ไหม ก็ไม่ดีกว่า พลอยไม่ได้ปิดแต่ขนาดโตๆ ยังเอาไม่อยู่เลย ไว้เดี๋ยวถ้ามีใครก็ให้เวลาพามาแล้วกัน"

วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

สน ยุกต์ โต้ข่าวเม้าท์จ้างสาวประเภทสองไปกินในห้องน้ำ

สน ยุกต์ เผยเรื่องจ้างสาวประเภทสองซัมติงรองในห้องน้ำ ไร้สาระ ไม่ซีเรียสแม้ข่าวแรง เชื่อผู้ใหญ่เข้าใจในเรื่องของข่าวลือ ยันไม่เคยขอไลน์สาวไปทั่ว 


หลังจากที่ละครเรื่องล่าสุดเพิ่งจบไปทำให้พระเอกหน้าใส สน ยุกต์ ส่งไพศาล ฮอตและมาแรงมากๆ แต่ก็มีข่าวเรื่องเป็นชายไม้ป่าเดียวกันออกมาไม่หยุดไม่หย่อน ล่าสุดหนุ่มเจ้าก็เพิ่งมีข่าวว่าจ้างสาวประเภท 2 ไปมีอะไรกันในห้องน้ำ แถมล่าสุดยังมีข่าวอีกว่าเจ้าตัวชอบเที่ยวขอเบอร์ขอไลน์สาวๆ ตามผับอีกต่างหาก เมื่อได้เจอ สน ในงานแสดงละครเวที ''ลัดดาแลนด์'' ที่ ลอบบี้ ชั้น 4 รัชดาลัยเธียเตอร์ เอสพลานาด ซึ่งเจ้าตัวถึงกับออกอาการทำหน้าเซ็งก่อนจะให้สัมภาษณ์แบบเซ็งๆ กับข่าวดังกล่าวพร้อมแจงว่า

''ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกนะครับ มันไม่มีมูลความจริงเลย ก่อนหน้านี้ผมก็ได้เคลียร์ข่าวไปแล้วที่จ้างสาวประเภท 2 ที่เป็นช่างแต่งหน้าไปมีอะไรกันในห้องน้ำ ผมว่าเรื่องพวกนี้มันไม่สมควรที่จะเผยแพร่ออกไป มันไม่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมเลยแถมเป็นโทษด้วยซ้ำ เดี๋ยวเด็กรุ่นใหม่เขาจะเอาไปทำตาม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี ตัวผมเองก็ไม่เคยทำและไม่อยากให้มีข่าวแบบนี้ครับ''

มีข่าวอย่างนี้ออกมาทำให้เครียดบ้างหรือไม่?
''คือมันไม่ได้ซีเรียสครับ มันแค่ไร้สาระ มันไม่เป็นประโยชน์ให้กับใครนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่เท่าไรหรอก แต่ผมแคร์เด็กรุ่นใหม่ที่เป็นคนไทยเขาได้รับกระแสแบบนี้บ่อยๆ จนอาจจะคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย พ่อแม่ผมเห็นข่าวเขาก็ขำกันครับ ไม่มีใครเขาสนใจอยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง ผมก็เคยบอกมาตั้งนานแล้วว่าผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ตอนนี้ผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับ''

แล้วทางผู้ใหญ่มีเรียกไปถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บ้างไหม?
"ไม่มีครับ ทางผู้ใหญ่เขาเชื่อใจผมครับ ตัวผมเองก็เป็นคนพูดตรงๆ อยู่แล้ว เวลามีอะไรผมก็พูดตรงๆ ถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ครับ เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมก็ขำนะ แต่สำหรับคนอื่นเขาจะขำแบบผมหรือเปล่าผมก็ไม่รู้'' 

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือ สน ชอบไปเที่ยวขอไลน์สาวๆ เวลาไปเที่ยวแฮงเอาต์จริงหรือไม่อย่างไร?
''ผมไม่ได้เที่ยวมานานมากแล้วนะครับ พวกขอเบอร์ขอไลน์อาจจะไปเที่ยวกับเพื่อน ก็คุยกับเพื่อนอยู่แต่เขาก็อาจจะมองไปว่าเราไปขอเบอร์หรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่รู้นะครับ ส่วนไปขอเบอร์ตามผับนี่ไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่ง่ายนะครับ(หัวเราะ)ไม่มีหรอกครับ ถ้าเกิดไปเที่ยวจริงๆ ก็อาจจะอยู่กับเพื่อนมากกว่า ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เที่ยวมานานมากแล้วนะตั้งแต่ต้นปีเลย จริงๆ ก็ไม่อยากให้มองแบบนั้น อย่างที่พูดไปและครับว่ามันไม่สร้างประโยชน์อะไร''

ที่มา สยามดารา

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

หมอโอ๊ค เผยได้ฤกษ์ดีแต่ง โอปอล์ ปีหน้าแน่นอน

หมอโอ๊ค ออกมาแจ้งข่าวดีกับสื่อว่าได้ฤกษ์ดีเตรียมแต่ง โอปอล์ ปีหน้า แต่วันเวลายังไม่ลงตัว ถ้าชัดเจนบอกแน่นอน รับเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่เรียบร้อย ชมแฟนสาว สวยเปรี้ยว กับการถ่ายแฟชั่นประกบซุป'ตาร์ อั้ม-พัชราภา


คู่รักคู่เลิฟที่อินสุดๆ ตอนนี้ต้องขอยกให้ พิธีกรหน้าคมผิวเข้ม โอปอล์ ปาณิสรา พิมพ์ปรุ และคุณหมอรูปหล่อหน้าใส หมอโอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล ที่หลังๆ มาขยันเติมความหวานที่ต่างแดนถี่เหลือเกิน หรือเพราะกำลังซ้อมฮันนีมูนกันอยู่ ล่าสุดฝ่ายชายได้ออกมาเผยแล้วว่า ได้ฤกษ์ดีแต่งงานปีหน้าอย่างแน่นอน แต่วันเวลายังไม่ได้เฟิร์ม ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็เห็นดีเห็นชอบด้วยอย่างยิ่ง

วันที่ 3 กันยายน 2556 ณ ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ในงานบวงสรวงซีรีส์เรื่อง ''ท้าเวลาพลิกอนาคต''  ได้เจอหมอโอ๊ค ผู้สื่อข่าวจึงได้ขออัพเดตเรื่องความรัก ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า
''ครับ มีแล้วครับ อยู่ในช่วงปีหน้าครับ เดี๋ยวถ้าได้วันเวลาก็จะแจ้งอีกครั้งครับ ถ้ามีวันที่แน่จะแจ้งแน่นอน ไม่มีการอุ๊บอิ๊บแล้วไปแต่ง ไม่มีแน่นอนครับ ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ใหญ่ถึงเรื่องนี้แล้วครับ พวกเราสบายอยู่แล้วครับ ตั้งแต่เราคบกันเราก็จะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอดครับ เขาเป็นคนดี เป็นข้อที่สำคัญที่สุดครับ ยิ่งคบกันก็ยิ่งรู้สึกว่าเราเหมือนกันในหลายๆ อย่าง ถึงแม้ว่าภายนอกภาพลักษณ์เราจะดูต่างกัน จริงๆ เราเป็นคนรักครอบครัวเหมือนกัน เราเป็นคนทำงานเหมือนกัน มุมมองต่อโลกนี้ สังสรรค์เพื่อนฝูงเราคล้ายๆ กัน เราแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยครับ เราคุยกันเรื่อยๆ อยู่แล้วเรื่องแต่ง คงไม่แบบว่าเซอร์ไพร์ขนาดนั้น เราก็โตแล้วทั้งคู่''

งานแต่งมีแพลนจัดที่ทะเลหรือที่ไหนอย่างไรบ้าง?
 ''ผมก็ลองถามๆ ดูบ้าง เพิ่งรู้นะว่าการแต่งงานเยอะมาก เหนื่อยเหมือนกัน แต่งานแต่งผมคงไม่ลำบากแขกขนาดนั้นครับ เคยมีเพื่อนๆ จัดเหมือนกัน คนที่ไปก็อาจจะด่าเราได้ บางทีดูแลไม่ทั่วถึง ก็ขอให้เป็นอะไรที่สะดวกสบายกับทุกๆ คน ไปทานกันให้เต็มที่ สนุกให้เต็มที่มากกว่าครับ'' ด้านแฟนสาวว่าอย่างไรบ้าง มีรีเควสต์อะไรบ้างหรือเปล่า  เจ้าตัวกล่าวทันทีว่า ''ก็ไม่พ้นเรื่องความสวยความงามหรอกครับ (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะว่าเราก็เคยทำงานด้านนี้ด้วยนะ เขาก็จะกดดันเรานิดหนึ่ง ผมว่าเขาเตรียมพร้อมมาตลอด เขาเป็นคนรักสวยรักงามคนหนึ่งมากๆ''

เห็นสาวโอปอล์ประกบสาวฮอตอย่าง ''อั้ม'' พัชราภา ไชยเชื้อ ปกนิตยสารแฟชั่นหรือยัง?
''เห็นแล้วก็ดีครับ ก็แซวว่ากล้าเนอะประกบพี่อั้ม เอาเป็นว่าโลกนี้ต้องมีวนิลาและช็อกโกแลตนะครับ (หัวเราะ) เป็นแนวใหม่ๆ เราไม่ค่อยได้เห็นการถ่ายแบบแบบนี้ ก็เปรี้ยวดี เขาเป็นคนไม่เครียดอยู่แล้วครับ แต่ช่วงนั้นก็จะมีมาคลินิกบ่อยนิดหนึ่งครับ ขอทำสวยหน่อย ประกบพี่อั้มเลยนะ มากดดันผมครับ ดูแลรูปร่างความสวยตลอดเวลาครับ เราก็เอาเท่าที่ทำได้ครับ''

ก่อนถ่ายมีมาปรึกษาอะไรเราบ้างไหม?
''ก็จะทราบ คุยกันอยู่แล้วว่าวันไหนจะไปทำอะไร แต่ลักษณะขออนุญาตไม่มีอยู่แล้ว เราเคารพเรื่องการทำงานกันอยู่แล้วครับ จริงๆ ผมเชื่อวิจารณญาณเขาอยู่แล้ว งานออกมาก็ดีอยู่แล้ว เคารพซึ่งกันละกัน''


เห็นมีภาพโดนหน้าอกสาวอั้มด้วย รู้สึกยังไง?
''ผมว่าเป็นมุมมากว่าครับ อะไรที่โดดเด่นนิดหนึ่งเข้าใจได้ แต่คนเขาอิจฉากันไม่ใช่เหรอ (ยิ้ม)''

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

จา-พนม หายตัวแต่มีจดหมายแฉบอกเลิกไม่ต่อสัญญาสหมงคลฟิล์มฯแล้ว

กลายเป็นหนังคนละม้วน เมื่อมีกระแสข่าวที่ออกมาจากทางด้าน จา-พนม ว่า ได้มีการเปิดเผยจดหมายจากการยื่นหนังสือยกเลิกสัญญาของพระเอกนักบู๊ที่มีต่อสหมงคลฟิล์มฯ, พันนา ฤทธิไกร และปรัชญา ปิ่นแก้ว ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 โดยมีใจความว่า


''โดยที่ขณะนี้ข้าพเจ้ายังมิได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทได้ดำเนินการใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างโดยถูกต้องครบถ้วนตลอดอายุสัญญาจ้างหรือไม่ ข้าพเจ้าจึงขอสงวนสิทธิ์ในการที่จะดำเนินการทางกฎหมายไว้ หากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของทางบริษัท'' ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวได้มีการลงลายเซ็นของ จา-พนม ไว้อย่างชัดเจน"

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 56 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยทางบริษัทสหมงคลฟิล์มฯ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ในการเคลียร์ปัญหากับ จา พนม ยีรัมย์ ทั้งนี้ ทางต้นสังกัดเองก็ยังไม่สามารถติดต่อหาตัวพระเอกนักบู๊ได้ แม้ว่าจะต้องการให้เจ้าตัวเข้ามาเจรจาไขข้อข้องใจกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็ตาม

ขณะที่่ โจ้ ธรัช ศุภโชคไพศาล ผู้บริหารบริษัท ไอยราฟิล์ม จำกัด ที่มีศักดิ์เป็นน้องเขยของ จา-พนม ได้เปิดเผยว่าทั้งพ่อแม่รวมถึงคนในครอบครัวที่สุรินทร์ไม่มีใครสามารถติดต่อพระเอกนักบู๊ได้ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดข่าวคราวพ่อจาบุกกองถ่ายตามให้ลูกชายกลับบ้าน นอกจากนี้ จายังไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าตัวรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจาไม่ใช่คนดูแลเงินแต่จะมีคนใกล้ชิดดูแลให้อีกที

''คือตั้งแต่คุณพ่อเขาไปเจอจาที่กองถ่ายแล้วคุยกันแค่ 3 นาที ตั้งแต่ตอนที่เป็นข่าวช่วงเดือนมกราคมจาเขาก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านอีกเลย แม้ว่าทางบ้านจะพยายามติดต่อไปหลายครั้ง รวมถึงที่บ้านภรรยาเขาก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ส่วนเรื่องเงินส่งเสียเลี้ยงดูเขาก็ไม่ได้ส่งให้ที่บ้านตั้งแต่มีปัญหามาแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจาเขาทราบหรือเปล่า เพราะว่าคนที่ดูแลเงินไม่ใช่จา แต่จะมีอีกคนที่ควบคุมดูแลตรงนี้อยู่ แต่เรื่องเงินนี้ไม่ใช่ปัญหา ยังได้พี่น้องคนอื่นๆ ช่วยดูแลพ่อแม่ในเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องเงินทองทางบ้านเขาไม่มีความเดือดร้อนในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่คงเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า คุณพ่อก็ยังป่วยทรุดลงตลอด กับเรื่องปัญหาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ เขาก็คงทราบแล้ว ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีใครสบายใจหรอกครับ ก็อยากให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ถูกต้อง'' น้องเขยจากล่าว

''โจ้-ธรัช'' ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับกรณีของ ''จา-พนม'' ที่มีปัญหากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ว่า ''เรื่องนี้มันแปลกๆ ไม่ธรรมดาตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนหน้านี้จาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ถ้าปกติเขาก็ต้องมาหาพ่อแม่บ้าง ตอนนั้นเราก็อยากมองในแง่ดีแต่มันก็ยิ่งหนักขึ้นทุกวัน มันผิดปกติถึงขั้นที่พ่อต้องไปแจ้งความคงไม่ธรรมดาแล้ว และมันก็ไม่น่ามีปัญหากันขนาดนี้ที่บานปลายไปจนถึงขั้นมีปัญหากับบริษัท เพราะผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสในการทำงานมาโดยตลอด อย่างก่อนหน้านี้ทางครอบครัวก็โดนกระแสโจมตีเรื่องเงินว่าอยากได้เงินทองของจา ซึ่งมันไม่จริงเลย พอมันมีอย่างนี้เราก็ไม่อยากพูด จนสุดท้ายมันก็เป็นอย่างนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าทางครอบครัวก็ห่วงภาพลักษณ์ของจาในตอนนี้ที่สังคมคงมองว่ามันไม่ดีไปแล้ว เรา
เองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันว่าเกิดจากอะไร ก่อนหน้านี้ทางบ้านก็พยายามกันสุดความสามารถแล้วให้จากลับมาเป็นคนเดิม ผมว่าถ้าจะแก้มันต้องแก้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่ปล่อยมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง การที่จาได้ไปเล่นหนังต่างประเทศทุกคนก็ยินดี แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวของจาเอง อย่างเรื่องจะแต่งงาน จะรักกับใคร ทางบ้านก็ไม่เคยห้าม คุณพ่อไม่เคยว่าอะไรเลย แต่ขอเพียงแค่ว่าให้ทุกอย่างมันถูกต้องแค่นั้นเอง''

นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการส่งจดหมายมาที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเรื่องสัญญาของจากับทางสหมงคลฟิล์มฯ ที่หมดลงในวันที่ 24 กรกฎาคม 2556 รวมถึงความประสงค์ของทางบริษัทที่ต้องการจะต่อสัญญาออกไปอีก 10 ปี โดยทางครอบครัวได้ทำการเซ็นรับเอกสารฉบับดังกล่าวไว้ และเมื่อทราบว่าเป็นเรื่องของสัญญาทางบ้านก็พยายามติดต่อจาให้กลับมาตัดสินใจต่อสัญญาฉบับดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ขณะที่คนในครอบครัวก็ไม่ได้มีการเซ็นหรือส่งสัญญาฉบับนั้นกลับไป จนกระทั่งมาเกิดข่าวคราวของจากับสหมงคลฟิล์มฯ จึงสร้างความไม่สบายใจให้กับคนในบ้านเป็นอย่างมาก